นายสุนัย สถาพร กรรมการและที่ปรึกษาสมาคมการค้ามันสำปะหลังไทย คาดการณ์ว่า ปีนี้ผลผลิตมันสำปะหลังจะลดลงเหลือ 20-21 ล้านตัน จากที่คาดไว้ตอนต้นปีว่าผลผลิตจะอยู่ที่ราวๆ 29 ล้านตัน และปี 54 ผลผลิตมีแนวโน้มจะลดลงอีก เป็นผลจากปัญหาเพลี้ยแป้ง และฝนแล้ง อย่างไรก็ตาม ปลายเดือนส.ค.นี้จะทำการสำรวจปริมาณผลผลิตใหม่ว่าจะมีมากน้อยขนาดไหน
"ตอนนี้ผลผลิตใหม่ยังไม่ออกมาบางคนมองว่าอาจจะไม่ถึง 20 ล้านตัน บางคนว่าอาจจะเหลือแค่ 15 ล้านตัน"นายสุนัย กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
ส่วนเรื่องราคามันสำปะหลังมองว่าแนวโน้มราคาจะยืนอยู่ในระดับสูง เพราะปริมาณผลผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ทั้งในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง
สำหรับราคามันสำปะหลังในปัจจุบันมองว่าราคาสูงเกินไป ปัจุบันราคามันเส้นอยู่ที่ 6.50 บาท/กก. จากปกติ 4-5 บาท/กก. ส่วนแป้งมันราคาอยู่ที่ 20 บาท/กก. จากปกติ 10 บาท/กก.
"จากนี้ไปผลผลิตจะน้อยลง ราคาน่าจะสูง ซึ่งก็ต้องมาดูความสามารถของแต่ละอุตสาหกรรมว่าจะเป็นอย่างไร"นายสุนัย กล่าว
นางภคอร ทิพยธนเดชา ผู้จัดการฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจจุลภาค ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองสถานการณ์ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังทั้งในตลาดโลกและตลาดไทยว่า ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังเป็นสินค้าที่มีอุตสาหกรรมต่อเนื่องรองรับทั้งอาหารคน อาหารสัตว์ และพืชพลังงาน
สำหรับตลาดในประเทศ เดิมนั้นส่วนใหญ่จะเป็นการบริโคแป้งมันสำปะหลัง ขณะที่การใช้ในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ยังไม่มากนัก แต่ปัจจุบันตลาดในประเทศมีศักยภาพในการเติบโต คือ การนำมันสำปะหลังไปเป็นวัตถุดิบในการผลิตเอทานอลแทนกากน้ำตาลซึ่งมีราคาแพงและขาดแคลน
นอกจากนี้มันสำปะหลังยังมีประโยชน์ สามารถนำไปใช้ในอุตสาหกรรมอื่นๆได้อีก เช่น ผงชูรส สารความหวาน ยารักษาโรค กาว กรดมะนาว อาหารสัตว์ แอลกอฮอล์ผลิตสุราและยาฆ่าเชื้อโรค เป็นส่วนผสมในเยื่อกระดาษเพื่อให้มีความเหนียว รวมถึงการเพิ่มความหนาของกระดาษ
ด้านตลาดส่งออก ช่วงครึ่งปีแรกของปี 53 ไทยส่งออกผลิตภัณฑ์สันสำปะหลังคิดเป็นมูลค่า 1,222 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจาก ครึ่งปีแรกของปี 52 ที่มูลค่าส่งออก 561 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยตลาดส่งออกหลักคือจีน ประมาณ 56.42% อินโดนีเซีย 9.70% ญี่ปุ่น 8.88% ไต้หวัน 5.12% มาเลเซีย 4.43% สหรัฐฯ 3.24% เกาหลีใต้ 2.22% อื่นๆ
ทั้งนี้ ไทยครองความเป็นเจ้าตลาดส่งออกมันเส้นในตลาดโลก ด้วยส่วนแบ่งตลาด ประมาณ 78.60% รองลงมาคือเวียดนาม ซึ่งถือว่าเป็นคู่แข่งที่น่าจับตามองไม่แพ้การส่งออกข้าว โดยปัจจุบันเวียดนามครองส่วนแบ่งอยู่ที่ 20.27%
ซึ่งผลจากการเปิด FTA ทำให้กัมพูชาและลาวซึ่งเดิมเคยนำเข้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังจากไทยเพื่อนำไปแปรรูป ก็หันมานำเข้าเพื่อส่งออกให้เวียดนาม ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสของเวียดนามในการส่งออกไปจีนแข่งกับไทยได้มากขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีผู้ประกอบการไทยเข้าไปลงทุนในเวียดนาม ตั้งแต่การเพาะปลูก และตั้งโรงงานอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ทำให้การผลิตผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังมีความสำคัญเป็นอันดับสองของเวียดนามรองจากข้าว และทำให้เวียดนามเป็นคู่แข่งสำคัญของไทยในตลาดจีน