คณะกรรมการกำกับดูแลกิจการธนาคารจีน (CBRC) ได้แจ้งกับธนาคารพาณิชย์ภายในประเทศทราบว่า CBRC จะทำการตรวจสอบภาวะวิกฤต (stress test) รอบใหม่ เพื่อประเมินผลกระทบหากราคาที่อยู่อาศัยร่วงลงถึง 60% ซึ่งถือเป็นผลกระทบหนักสุดที่อาจมีต่อตลาดต่างๆ
ทั้งนี้ CBRC ได้แจ้งให้ธนาคารพาณิชย์ทราบว่า การทดสอบ stress test รอบใหม่นี้จะครอบคลุมถึงการประเมินผลกระทบขั้นรุนแรงสุดหากราคาที่อยู่อาศัยในเมืองต่างๆของจีนร่วงลงประมาณ 50 - 60% ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าการทดสอบครั้งแรกที่ CBRC ได้ประเมินผลกระทบเมื่อราคาที่อยู่อาศัยลดลงเพียง 30%
ไนท์ แฟรงค์ แอลแอลพี บริษัทปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของอังกฤษ เปิดเผยว่า การทดสอบ stress test ที่มีความเข้มงวดมากขึ้นอาจทำให้เกิดความกังวลว่า ยอดการปล่อยกู้ใหม่ของธนาคารจีนที่พุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ในปีที่แล้วจะส่งผลให้เกิดภาวะฟองสบู่ในตลาดที่อยู่อาศัย และอาจนำไปสู่อัตราการผิดนำชำระหนี้ (delinquency) ที่สูงมาก โดยรัฐบาลจีนพยายามใช้มาตรการคุมเข้มด้านการปล่อยเงินกู้ให้กับภาคอสังหาริมทรัพย์และกวาดล้างการเก็งกำไรในตลาดตั้งแต่เดือนเม.ย.ที่ผ่านมา หลังจากราคาที่อยู่อาศัยในไตรมาสแรกพุ่งขึ้น 68% จากปีที่แล้ว
ไนท์ แฟรงค์ ระบุว่า หากตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีนทรุดตัวลงอย่างหนัก ก็อาจส่งผลให้เศรษฐกิจขยายตัวช้าลง โดยในช่วงไตรมาส 2 เศรษฐกิจจีนขยายตัวน้อยกว่าคาดที่ระดับ 10.3% นอกจากนี้ กระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนอาจส่งผลให้ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐซบเซาลงด้วย
นายหลี่ หมิงกัง ประธาน CBRC กล่าวว่า ธนาคารพาณิชย์ของจีนยังต้องเข้าทดสอบ stress test เพื่อประเมินผลกระทบที่เกิดจากการปล่อยเงินกู้ในภาคอสังหาริมทรัพย์และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง
ส่วนผลการทดสอบ stress test ครั้งก่อนนั้น มีการประเมินว่าสัดส่วนเงินกู้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของธนาคารจีนจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.2% หากราคาบ้านร่วงลง 30% และอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 1.08% ซึ่งจะทำให้ผลกำไรหลังหักภาษีของธนาคารอาจลดลง 20%
สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนรายงานว่า ราคาอสังหาริมทรัพย์ใน 70 เมืองของจีนเดือนมิ.ย. ลดลง 0.1% จากเดือนพ.ค. และหากเทียบเป็นรายปีพบว่า ราคาอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นเพียง 11.4% ซึ่งเป็นสถิติที่ชะลอตัวติดต่อกัน 2 เดือนหลังจากพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนเม.ย.