สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดอ่อนตัวลงเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (13 ส.ค.) หลังจากที่สหรัฐเปิดเผยข้อมูลความเชื่อมั่นผู้บริโภค ราคาผู้บริโภค และยอดค้าปลีกที่เพิ่มสูงขึ้น
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ขยับลง 10 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 1,216.6 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,212.30 - 1,219.80 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 4.4 เซนต์ ปิดที่ 18.109 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 3.3 เซนต์ ปิดที่ 3.2725 ดอลลาร์/ปอนด์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 5.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,526.20 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 6.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 477.25 ดอลลาร์/ออนซ์
ทั้งนี้ ทองคำเดินหน้าขึ้นในช่วงเปิดตลาด ต่อเนื่องจากวานนี้ เพราะแนวโน้มเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนช่วยกระตุ้นความต้องการซื้อทองในฐานะแหล่งลงทุนที่ปลอดภัย โดยราคาได้เคลื่อนตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบหนึ่งเดือน อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำเริ่มอ่อนตัวลง เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีกว่าคาดการณ์เล็กน้อยของสหรัฐและยุโรปช่วยบรรเทาบรรยากาศที่เป็นลบลงได้บ้าง
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานเมื่อวันศุกร์ว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนก.ค. หลังจากลดลงมาสองเดือนติดต่อกัน แต่ยังน้อยกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ว่าจะดีดตัวขึ้น 0.5% ซึ่งการปรับตัวขึ้นของยอดค้าปลีกเมื่อเดือนที่แล้วนั้น เป็นผลมาจากยอดขายยานยนต์และน้ำมันที่สูงขึ้น ขณะที่ยอดขายสินค้าอื่นๆเกือบทุกประเภท ตั้งแต่เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม ไปจนถึงวัสดุก่อสร้าง ยังซบเซา
ขณะที่ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนก.ค. เพราะราคาน้ำมันที่สูงขึ้น และดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมราคาน้ำมันและอาหารที่มีความผันผวน ขยับขึ้น 0.1% โดยเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น หลังการเปิดเผยรายงานดังกล่าว และทำให้ความน่าดึงดูดใจของทองคำลดลงในสายตาของนักลงทุน
นอกจากนี้ยังมีการเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนส.ค.โดยรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกน ซึ่งเพิ่มขึ้นแตะ 69.6 จากระดับ 67.8 ในเดือนก.ค. ซึ่งมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ 68.8 แต่ก็ยังต่ำกว่าตัวเลข 76.0 ในเดือนมิ.ย. โดยความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นเหนือความคาดหมายนี้ แสดงให้เห็นว่า ความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจบรรเทาเบาบางลง และผู้บริโภคมีมุมมองที่เป็นบวกขึ้นเล็กน้อยเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐ
ด้านสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของ 16 ประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโร หรือ ยูโรโซน ขยายตัว 1% ในไตรมาส 2 ปีนี้ ซึ่งเป็นการขยายตัวที่แข็งแกร่งกว่าระดับ 0.2% ในไตรมาสแรก และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยายตัวเพียง 0.7% ส่วนเศรษฐกิจในไตรมาส 2 ของ 27 ประเทศที่เป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) ขยายตัว 1% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส และขยายตัว 1.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี
ยูโรสแตทระบุว่า ปัจจัยที่ช่วยหนุนให้เศรษฐกิจกลุ่มยูโรโซนขยายตัวได้ดีเกินคาดในไตรมาส 2 มาจากการขยายตัวที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจเยอรมนี โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนีรายงานว่า เศรษฐกิจเยอรมนีซึ่งมีระบบเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 1 ของยุโรป ขยายตัว 2.2% ในไตรมาส 2 เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกปีนี้ และเป็นสถิติที่ขยายตัวแข็งแกร่งที่สุดในรอบ 20 ปี