นายหลี่ เซียน หลุง นายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ ได้ให้สัมภาษณ์กับเกา ชวน และ ติง กี๋หลิน นักข่าวจากสำนักข่าวซินหัวเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างสิงคโปร์กับจีน ก่อนที่นายกฯสิงคโปร์จะเดินทางเยือนจีนอย่างเป็นทางการเป็นเวลา 8 วัน ตั้งแต่วันที่ 6 ก.ย. ว่า ความเข้มแข็งและความสำเร็จของจีนจะเป็นแรงหนุนเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งสิงคโปร์หวังที่จะมีส่วนร่วมในการพัฒนาของจีน
โดยนายหลี่ กล่าวว่า สิงคโปร์พึงพอใจกับความสัมพันธ์อันดีที่มีต่อจีน ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ทั้งสองประเทศได้ร่วมลงนามข้อตกลงการค้าเสรีสิงคโปร์-จีน เปิดตัวโครงการเทียนจิน อิโค ซิตี้ และ ร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 15 ปี นิคมอุตสาหกรรมซูโจว นอกจากนี้ ทั้งสองประเทศยังได้เพิ่มความร่วมมือด้านการพัฒนาการศึกษา การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และการท่องเที่ยว เช่น โครงการร่วมมือ 3 ฝ่ายระหว่างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีและการออกแบบแห่งสิงคโปร์ มหาวิทยาลัยเจ้อเจียง และสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเสตต์ นอกจากนี้ สิงคโปร์มีโครงการจะขอยืมตัวแพนด้ายักษ์ 1 คู่จากจีนเป็นเวลา 10 ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีนี้ ซึ่งเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 20 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีน-สิงคโปร์ ทางสิงคโปร์จะจัดงานเพื่อเป็นการรำลึกถึงนายเติ้ง เสี่ยวผิง อดีตผู้นำของจีนและจะให้การสนับสนุนศูนย์วัฒนธรรมจีนอย่างยิ่งใหญ่
นายกฯสิงคโปร์ กล่าวว่า "ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จีนจำนวนมากได้เดินทางมาดูงานที่สิงคโปร์ เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับประสบการณ์ในการพัฒนาประเทศและนำไปปรับปรุงนโยบายของจีนให้เหมาะสมสถานการณ์ปัจจุบัน ในขณะที่เจ้าหน้าที่สิงคโปร์เองก็ได้เดินทางไปยังจีนเพื่อศึกษาการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดในทุกภูมิภาคของจีน"
ทั้งนี้ ผู้นำทั้งสองประเทศพอใจกับการเดินทางเยี่ยมเยียนระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูง โดยในปี 2552 ประธานาธิบดีหู จิ่นเทา ของจีนได้เดินทางมาเยือนสิงคโปร์ และประธานาธิบดีเอส อาร์ นาธาน ก็ได้เดินทางไปเยือนกรุงปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ โดยนายหลี่กล่าวว่า สิงคโปร์พร้อมต้อนรับต่อการเดินทางเยือนของผู้นำจีนคนอื่นๆ
"ผมเชื่อว่าเรามีความสัมพันธ์ที่เข้มแข็งและจะร่วมกันสานต่อให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น" นายหลี่กล่าวนายฯสิงคโปร์ยังได้กล่าวชื่นชมความสำเร็จของจีนใน 4 ทศวรรษที่ผ่านมา โดยกล่าวว่า จีนได้พัฒนาอย่างก้าวกระโดด ช่วยให้ประชาชนหลายล้านคนหลุดพ้นจากความยากจนและมีชีวิตที่ดีขึ้น
"เราเชื่อว่าความเข้มแข็งและความสำเร็จของจีนจะเป็นแรงผลักดันให้เกิดความสำเร็จไปทั่วโลกและในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งสิงคโปร์หวังว่าจะมีส่วนร่วมในการพัฒนาดังกล่าว" นายหลี่กล่าวนอกจากนี้ นายหลี่กล่าวเสริมว่า "ประเทศทั้งสอง รวมทั้งประชาชนของทั้งสองประเทศต่างก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และมีความร่วมมืออย่างใกล้ชิดในหลายเรื่อง ซึ่งทั้งสองฝ่ายควรกระชับความสัมพันธ์ในปัจจุบันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น รวมทั้งร่วมมือกันพัฒนาโครงการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง และกระตุ้นให้เยาวชนของทั้ง 2 ประเทศเป็นมิตรกันอย่างยั่งยืน"
ส่วนการเดินทางไปเยือนจีนนั้น นายกฯสิงคโปร์มีกำหนดเยือนเทศบาลนครฉงฉิ่งและเซี่ยงไฮ้ รวมทั้งเมืองชางซา (มณฑลหูหนาน) เมืองหวูหาน (มณฑลเหอเป่ย์) และเมืองซือโจว (มณฑลเจียงซู)
โดยวัตถุประสงค์ในการเยือนมี 3 ประเด็น ได้แก่ การศึกษาความก้าวหน้าในการพัฒนาของเมืองใหญ่ในมณฑลซึ่งอยู่ในเขตภาคกลางของจีน เพื่อทำความเข้าใจในบทบาทของเมืองต่างๆ เกี่ยวกับการกำหนดทิศทางการพัฒนาเมืองที่ตั้งอยู่บริเวณเขตชายฝั่งไปยังเขตเมืองของจีน ประการที่สอง เพื่อศึกษาความก้าวหน้าของนิคมอุตสาหกรรมซูโจว (SIP) และอันดับสุดท้าย เพื่อเข้าร่วมงานเซี่ยงไฮ้ เอ็กซ์โป ซึ่งเป็นงานที่ได้รับการชื่นชมจากผู้มาเยือนทั้งชาวจีนและชาวต่างประเทศ
ส่วนในด้านความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจนั้น นายหลี่ กล่าวว่า ข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างสิงคโปร์กับจีน (China-Singapore Free Trade Agreement—CSFTA) ที่เริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2552 เป็นข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ที่เปิดกว้างเป็นครั้งแรกระหว่างจีนกับประเทศในเอเชีย ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว ทั้งสิงคโปร์และจีนมุ่งมั่นที่จะเปิดเสรีในเรื่องเศรษฐกิจที่เหนือจากข้อกำหนดขององค์การค้าโลก (WTO) เช่นบริการด้านเฮลธ์แคร์และการศึกษา โดย CSFTA ถือเป็นเวทีในการสร้างโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจ และยังเป็นการส่งสัญญาณถึงความมุ่งมั่นของทั้งสิงคโปร์และจีนที่มีต่อการค้าแบบเสรี
"ทั้งสองประเทศควรมีการทบทวนข้อตกลง CSFTA เป็นประจำ เพื่อให้สามารถตอบสนองกับความต้องการของสังคมธุรกิจที่เปลี่ยนไปในสองประเทศ และเพิ่มปริมาณการค้าและการลงทุนระหว่างสองประเทศ ซึ่งจะทำให้เกิดผลลัพธ์แบบ win-win สำหรับทั้งสองฝ่าย" นายหลี่กล่าวทั้งนี้ นายกฯสิงคโปร์ยังได้แสดงความยินดีกับจีนที่ได้ลงนามข้อตกลงกรอบความร่วมมือเศรษฐกิจ (Economic Cooperation Framework Agreement—ECFA) กับไต้หวัน ซึ่งสิงคโปร์เชื่อว่า ECFA จะช่วยส่งเสริมเรื่องการรวมเศรษฐกิจของภูมิภาคและการพัฒนาระหว่างสองประเทศอย่างสันติ
โดยนายหลี่ได้กล่าวถึงข้อตกลงความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างสิงคโปร์และไต้หวันว่า สิงคโปร์และไต้หวันกำลังศึกษาความเป็นไปได้เรื่องข้อตกลงความร่วมมือด้านเศรษฐกิจซึ่ง "สิงคโปร์เป็นหนึ่งในประเทศที่ส่งเสริมการค้าเสรี โดยการค้าของเรามีมูลค่าสูงกว่าจีดีพีของประเทศถึง 3 เท่า ดังนั้น เราจึงมุ่งไปยังการส่งเสริมการแสวงหาโอกาสเพื่อสร้างเศรษฐกิจที่เข้มแข้งและรักษาสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศคู่ค้า" นายหลี่กล่าว