เทรดเดอร์ทองคำ มองราคาทองคำโลกสิ้นปีนี้ไปถึง 1,350 เหรียญ/ออนซ์ และปีหน้ามีโอกาสจะทะยานต่อไปที่ 1,500-1,700 เหรียญ/ออนซ์ จากความอ่อนแอของเศรษฐกิจโลกจะปะทุขึ้นมาอีกครั้ง ขณะที่ราคาทองคำในประเทศเจอเงินบาทแข็งค่ากดไว้ไม่ถึงบาทละ 20,000 บาทในปีนี้ โดยคาดว่าจะไปได้เพียง 19,000 บาท หรืออาจสูงกว่านั้นเล็กน้อย นายบุญเลิศ สิริภัทรวณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออสสิริส จำกัด คาด แนวโน้มราคาทองคำจากนี้ไปจนถึงสิ้นปี 53 ยังปรับตัวสูงขึ้น โดย แนวต้านแรกอยู่ที่ 1,350 เหรียญ/ออนซ์ แนวต้านถัดไปที่ 1,400 เหรียญ/ออนซ์
ส่วนราคาทองคำในประเทศปีนี้ มองช่วงสั้นราคาทองแท่งน่าจะไปถึงบาทละ 19,000 บาท จากปัจจุบัน 18,900 บาท หลังจากที่เคยทำสถิติไปที่ 19,300 บาทแล้ว คาดว่าภายในสองสัปดาห์ราคามีโอกาสราคาชนจุดสูงสุดเดิม เพราะราคาทองคำปรับตัวขึ้นมา 8 สัปดาห์ติดต่อกัน
"ตอนแรกมองที่ 1,300 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นนิวไฮ ตอนนี้ได้เห็นแล้ว step แรกมองที่ราคา 1,350 ดอลลาร์ก่อนเป็นช่วงสัปดาห์หรือเดือนต่อไป Step ต่อไป เป็น 1,400 ดอลลาร์ แต่ไม่รู้ว่าจะทำได้ถึงหรือเปล่า" นายบุญเลิศ กล่าวในงาน สัมมนาเรื่อง"รวยด้วยทองคำ"สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในทองคำช่วงนี้ เห็นว่าในเวลานี้ไม่ใช่เวลาเข้าซื้อทองคำแท่ง เพราะราคาขึ้นไปสูงแล้ว ส่วน Gold Futures ขึ้นอยู่กับพอใจของนักลงทุนว่ายังมีกำไรให้ถือต่อไป แต่เตือนว่าการลงทุน Gold Futures ต้องเข้าใจจริง
ด้านนางสาวฐิภา นวัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริการ บริษัท วาย แอล จี บุลเลี่ยนแอนด์ ฟิวเจอร์ส กล่าวว่า แนวโน้มราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยในปี 54 น่าจะปรับขึ้นไปถึง 1,500- 1,700 เหรียญ/ออนซ์ เพราะเศรษฐกิจช่วงนี้โดยรวมยังไม่ดี และมีกระแสข่าวว่าเศรษฐกิจโลกจะมีปัญหารอบสอง เพราะทุกครั้งที่มีวิกฤติใหญ่เกิดขึ้น ราคาทองคำจะปรับขึ้นประมาณ 100 เหรียญ/ออนซ์
ปีนี้มองว่าราคาทองคำในตลาดโลกมีโอกาสไปถึง 1,350 เหรียญ/ออนซ์ แต่ราคาทองคำในประเทศภายในสิ้นปี คาดว่าอยู่ที่ประมาณ 19,000 บาท หรืออาจปรับขึ้นเล็กน้อย ลดลงจากเดิมเคยคาดการณ์ไว้ว่าจะปรับขึ้นถึง 20,000 บาท เนื่องจากเงินบาทแข็งค่า ไปกว่า 8% แล้ว
กลยุทธ์การลงทุนทองคำใน ระยะสั้น แนะให้ขายทำกำไร ส่วนนักลงทุนระยะกลาง ให้ถือต่อและขายปีหน้า หรือให้ขายไปก่อนและรอซื้อใหม่อีกครั้งตอนอ่อนตัว โดยคาดว่าราคาทองคำจะปรับฐานลงมากรอบนี้ก่อนจะปรับขึ้นไปใหม่