สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อคืนนี้ (1 ต.ค.) โดยทองคำทะยานขึ้นเหนือระดับ 1,320 ดอลลาร์ในระหว่างวัน เพราะได้หนุนจากการร่วงลงของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่สัญญาพลาตินัมและพัลลาเดียมพุ่งขึ้นกว่า 23 ดอลลาร์หลังจากจีนและสหรัฐเปิดเผยข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่ง
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 8.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,317.80 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,307.30 - 1,322 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 23.9 เซนต์ ปิดที่ 22.06 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงดีดตัวขึ้น 3.9 เซนต์ ปิดที่ 3.6905 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 23.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,682.10 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 3.65 ดอลลาร์ ปิดที่ 574.90 ดอลลาร์/ออนซ์
นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำหลังจากสกุลเงินดอลลาร์ร่วงลงเมื่อเทียบกับยูโร อันเนื่องมาจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางสหรัฐระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวในระดับที่น่าผิดหวัง ซึ่งทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่าเฟดอาจจะประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (Quantitative Easing) หรือ QE ด้วยการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงิน ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะยิ่งทำให้สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงไปอีก
สัญญาพัลลาเดียมและพลาตินัมทะยานขึ้นแข็งแกร่ง หลังจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตเดือนก.ย. ขยายตัวที่ระดับ 54.4 จุด จากเดือนส.ค.ที่ระดับ 56.3 จุด และสมาพันธ์โลจิสติกและการจัดซื้อแห่งชาติ (CFLP) ของจีนเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนในเดือนก.ย.อยู่ที่ระดับ 53.8% เพิ่มขึ้น 2.1% จากเดือนส.ค. โดยดัชนีที่เคลื่อนไหวอยู่เหนือระดับ 50 จุดจะบ่งชี้ว่าภาคการผลิตมีการขยายตัว
ข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่งทั้งของจีนและสหรัฐทำให้นักลงทุนคาดว่า ดีมานด์พัลลาเดียมและพลาตินัมในตลาดโลกจะพุ่งขึ้นด้วย เนื่องจากแร่พัลลาเดียมและพลาตินัมเป็นวัตถุดิบสำคัญที่ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิต