สมาคมเหล็กโลกคาดว่า ความต้องการเหล็กทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น 5.3% ในปีหน้า แตะ 1.34 พันล้านตัน ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่าช่วงก่อนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลก และยังเป็นสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงครึ่งแรกของปี 2551
ทั้งนี้ จีนยังเป็นประเทศที่ต้องการใช้เหล็กมากที่สุด โดยสมาคมฯ คาดว่าความต้องการเหล็กของจีนในปีหน้า จะสูงกว่าระดับของปี 2550 อยู่ถึง 42% ขณะที่ยุโรปก็ต้องการเหล็กในปริมาณมากเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่เริ่มหมดอายุลงนั้น อาจจะส่งผลกระทบต่อดีมานด์เหล็กได้ ขณะที่ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนทั่วโลกก็อาจจะเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการคาดการณ์ผลผลิตเหล็ก
สำหรับปีนี้นั้น สมาคมฯคาดว่า ดีมานด์เหล็กมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้น 13.1% แตะ 1.27 พันล้านตัน