สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (4 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาทองคำทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันศุกร์ นอกจากนี้ สัญญาทองคำและสัญญาโลหะมีค่าประเภทอื่นๆ รวมถึงพลาตินัมและพัลลาเดียมยังร่วงลงหลังจากสกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร และดัชนีการทำสัญญาซื้อบ้านที่พุ่งขึ้นเกินคาดของสหรัฐ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 1.00 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,316.80 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,313.40 - 1,321.30 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 2.40 เซนต์ ปิดที่ 22.036 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 2.65 เซนต์ ปิดที่ 3.664 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ลดลง 10.00 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,672.10 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ดิ่งลง 13.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 561.30 ดอลลาร์/ออนซ์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาทองคำทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,317.80 ดอลลาร์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (Quantitative Easing) หรือ QE ด้วยการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบผ่านการเข้าซื้อพันธบัตร ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะยิ่งทำให้สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงอีก
ไมค์ ดาลี นักวิเคราะห์จาก PFGBEST ซึ่งเป็นบริษัทโบรกเกอร์รายใหญ่ในสหรัฐคาดการณ์ว่า ตลาดทองคำจะเข้าสู่ระยะพักฐาน ซึ่งการพักฐานถือเป็นกลไกที่จะช่วยให้ตลาดมีเสถียรภาพ
สัญญาทองคำได้รับแรงกดดันหลังจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติเปิดเผยว่า ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 4.3% แตะระดับ 82.3% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 3.0%
นอกจากนี้ ทองคำยังอ่อนตัวลงเนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น และจากการที่นักลงทุนมีท่าทีระมัดระวังก่อนที่ทางการสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรในวันศุกร์ รวมทั้งจับตาดูการประชุมธนาคารกลางออสเตรเลีย ธนาคารกลางญี่ปุ่น การประชุมรัฐมนตรีคลังกลุ่ม G20 และการประชุมของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ซึ่งจะมีขึ้นในสัปดาห์นี้