In Focusศึกชิงชื่อ “iPad" แดนมังกรปิดฉาก แอปเปิลยอมจ่าย $60 ล้านจบคดี

ข่าวต่างประเทศ Wednesday July 4, 2012 13:55 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

แอปเปิล" น่าจะเป็นบริษัทระดับโลกแห่งหนึ่งที่มีเรื่องราวฟ้องร้องกันมากที่สุด ทั้งที่ไปฟ้องคนอื่นและถูกคนอื่นฟ้อง คู่กรณีของแอปเปิลมีตั้งแต่บริษัทยักษ์ใหญ่ในซิลิคอนวัลเลย์ด้วยกันเองอย่างไมโครซอฟท์ กูเกิล เอชพี เอชทีซี เป็นต้น ไปจนถึงดาวรุ่งพุ่งแรงจากเกาหลีใต้อย่าง “ซัมซุง" ที่ปัจจุบันมีคดีฟ้องร้องกันนัวเนียในหลายประเทศทั่วโลก นอกจากนั้นยังมีบริษัทน้อยใหญ่อีกหลายแห่งที่ร่วมวงด้วย ซึ่งบางคดีก็สิ้นสุดแล้ว ขณะที่อีกหลายคดียังคงมีการต่อสู้กันตามกฎหมายต่อไป

ล่าสุดมีคดีหนึ่งที่สิ้นสุดลงเสียที ภายหลังจากที่ต่อสู้กันมาอย่างดุเดือด นั่นคือคดีกรรมสิทธิ์เครื่องหมายการค้า “iPad" ในประเทศจีน ที่เริ่มเปิดฉากมาตั้งแต่ปี 2553 โดยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ศาลสูงแห่งมณฑลกวางตุ้งของจีน ประกาศว่า แอปเปิลตัดสินใจยอมจ่ายเงิน 60 ล้านดอลลาร์ให้แก่บริษัท โปรวิว เทคโนโลยี (เซินเจิ้น) ซึ่งเป็นคู่กรณี เพื่อยุติศึกดังกล่าวแล้ว

ลำดับเหตุการณ์พิพาทระหว่างแอปเปิล-โปรวิว

ปี 2543 — บริษัท โปรวิว อิเล็กทรอนิกส์ (ไต้หวัน) บริษัทลูกของ โปรวิว อินเตอร์เนชั่นแนล ในฮ่องกง ดำเนินการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า iPad เพื่อใช้ในทวีปยุโรปและเขตอื่นๆทั่วโลก

ปี 2544 — บริษัท โปรวิว เทคโนโลยี (เซินเจิ้น) ในประเทศจีน ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ โปรวิว อินเตอร์เนชั่นแนล จดทะเบียนเครื่องหมายการค้า iPad เพื่อใช้ในประเทศจีน

ปี 2551 — แอปเปิลจัดตั้งบริษัทนอมินีขึ้นในประเทศอังกฤษ โดยตั้งชื่อว่า IP Application Development หรือชื่อย่อ IPAD บริษัทนี้ได้ติดต่อขอซื้อเครื่องหมายการค้า iPad จากโปรวิว (ไต้หวัน) โดยอ้างว่าชื่อย่อของบริษัทคล้ายกับเครื่องหมายการค้าของโปรวิว พร้อมกับรับรองว่าจะไม่ทำธุรกิจเป็นคู่แข่งกับโปรวิว ซึ่งทำธุรกิจผลิตจอคอมพิวเตอร์

ปี 2552 — โปรวิว (ไต้หวัน) ขายลิขสิทธิ์เครื่องหมายการค้า iPad ให้บริษัท IP Application Development ด้วยมูลค่า 55,000 ดอลลาร์ และ IP ได้ถ่ายโอนเครื่องหมายการค้าให้แก่แอปเปิลอีกทอดหนึ่ง ซึ่งทางแอปเปิลเข้าใจว่าการซื้อครั้งนี้ครอบคลุมการใช้เครื่องหมายการค้า iPad ทั่วโลก รวมถึงในประเทศจีน

ปี 2553 — แอปเปิลเริ่มวางตลาดผลิตภัณฑ์ภายใต้เครื่องหมายการค้า iPad และในเดือนเมษายน แอปเปิลฟ้องร้องโปรวิว (เซินเจิ้น) ต่อศาลเมืองเซินเจิ้น เรื่องกรรมสิทธิ์การใช้เครื่องหมายการค้า iPad ในประเทศจีน ขณะที่ทางโปรวิว (เซินเจิ้น) โต้แย้งว่า สิทธิ์ในเครื่องหมายการค้า iPad ที่ขายไปนั้นเป็นของบริษัท โปรวิว (ไต้หวัน) ซึ่งเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าเฉพาะในต่างประเทศ ไม่ได้รวมถึงเครื่องหมายการค้า iPad ในประเทศจีน ซึ่งถือสิทธิ์โดยโปรวิว (เซินเจิ้น)

ปี 2554 — เดือนธันวาคม ศาลเมืองเซินเจิ้นตัดสินให้แอปเปิลแพ้คดี

ปี 2555 — เดือนมกราคม แอปเปิลยื่นอุทธรณ์ต่อศาลมณฑลกวางตุ้ง ขณะที่โปรวิว (เซินเจิ้น) ยื่นฟ้องต่อศาลจีนในหลายเมืองว่าแอปเปิลละเมิดลิขสิทธิ์เครื่องหมายการค้า และขอให้ศาลระงับการขาย iPad ขณะที่ศาลบางแห่งในจีนตัดสินว่าแอปเปิลละเมิดลิขสิทธิ์จริง เจ้าหน้าที่ในบางเมืองจึงเข้ายึด iPad และร้านค้าหลายแห่งต้องระงับการขาย iPad ไปโดยปริยาย แม้แต่เว็บไซต์ขายของออนไลน์ชื่อดังอย่าง Amazon China และ suning.com ก็เลิกขาย iPad บนเว็บของตนเอง

กระทั่งในวันที่ 2 กรกฎาคม ศาลสูงแห่งมณฑลกวางตุ้งได้ประกาศว่า ข้อพิพาทระหว่างแอปเปิลและโปรวิว (เซินเจิ้น) กรณีสิทธิการใช้เครื่องหมายการค้า iPad ในประเทศจีน เป็นอันสิ้นสุดลงแล้ว เนื่องจากแอปเปิลยอมทำตามข้อเสนอประนีประนอมของศาล ด้วยการจ่ายค่าชดเชย 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้แก่โปรวิว (เซินเจิ้น)

60 ล้าน...คุ้มมั้ย?

การบรรลุข้อตกลงครั้งนี้ทำให้คดีที่แอปเปิลและตัวแทนจำหน่ายสินค้าแอปเปิลถูกฟ้องร้อง รวมถึงการระงับขาย iPad ในจีน และข้อพิพาทอื่นๆกับโปรวิว เป็นอันยุติทั้งหมด แอปเปิลสามารถขาย iPad ในจีนต่อไปได้ และเปิดทางให้ new iPad สามารถเข้าสู่ตลาดจีนได้อย่างสะดวกโยธินเสียที หลังจากที่ดีเลย์มานาน

สินค้าแบรนด์แอปเปิลได้รับความนิยมแบบสุดๆในประเทศจีน อาตี๋อาหมวยจำนวนมากยอมต่อคิวรอหลายวันเพื่อซื้ออุปกรณ์ใหม่ๆที่จะวางตลาด จีน (รวมฮ่องกงและไต้หวัน) เป็นตลาดที่เติบโตเร็วที่สุดสำหรับแอปเปิล และสร้างรายได้สูงสุดเป็นอันดับสองรองจากสหรัฐอเมริกาเท่านั้น โดยในช่วงไตรมาส 2 ยอดขายของแอปเปิลในจีน ฮ่องกง และไต้หวัน พุ่งสูงถึง 7.9 พันล้านดอลลาร์

สำหรับตลาดแท็บเล็ตในจีนนั้น iPad ก็ครองส่วนแบ่งในตลาดมากกว่า 70% และนับตั้งแต่เปิดตัว iPad ในไตรมาส 3 ปี 2553 จนกระทั่งถึงเดือนมีนาคม 2555 แอปเปิลได้ส่งมอบ iPad กว่า 6 ล้านเครื่องไปยังตลาดจีนแผ่นดินใหญ่ เพราะฉะนั้นหากมองกันยาวๆแล้ว การที่แอปเปิลยอมจ่ายเงิน 60 ล้านดอลลาร์เพื่อให้สามารถเดินหน้าเจาะตลาดแดนมังกรต่อไปได้ ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าแล้ว

ส่วนทางด้านโปรวิวที่กำลังจะเจ๊งแหล่มิเจ๊งแหล่เพราะมีหนี้สินสูงถึง 400 ล้านดอลลาร์นั้น แม้จะไม่ได้เงินตามเป้าที่ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากแอปเปิลไป 400 ล้านดอลลาร์เท่าจำนวนหนี้ แต่ก็ถือว่าน่าพอใจ เพราะถ้าแอปเปิลไม่ได้สร้างมูลค่าให้กับชื่อ iPad โปรวิวก็คงไม่ได้เงินสักแดงเดียว การได้ค่าตอบแทนสูงหลายสิบล้านดอลลาร์โดยแทบไม่ได้ลงแรงอะไรก็ถือว่าคุ้มยิ่งกว่าคุ้มแล้ว แม้ว่าเงินจำนวนนี้จะไม่ได้เข้ากระเป๋าโปรวิว แต่จะถูกนำไปใช้หนี้ให้แก่บรรดาเจ้าหนี้ของโปรวิวก็ตามที

งานนี้ แม้แอปเปิลจะเสียเงินไปถึง 60 ล้านดอลลาร์ แต่แอปเปิลก็ได้เจาะตลาดจีนที่สร้างมูลค่ามหาศาลโดยไม่มีอุปสรรคอีกต่อไป สาวกของแอปเปิลในจีนก็จะได้สัมผัสกับ new iPad เสียที ส่วนทางด้านโปรวิวก็ได้เงินมาใช้หนี้บางส่วน และบรรดาเจ้าหน้าหนี้ของโปรวิวก็ได้เงินคืนบางส่วน ก็คงพอกล้อมแกล้มได้ว่าวิน-วินกันทุกฝ่ายล่ะน่า!


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ