… 3 วัน กับยอดขายกว่า 5 ล้านเครื่อง เป็นสัญญาณเตือนว่า ปรากฏการณ์ “ไอโฟน ฟีเวอร์" กำลังกลับมาเยือนอีกครั้ง
หลังจากที่ปล่อยให้เหล่าสาวก หรือ บรรดา tech-savvy ทั้งหลายต้องรอแล้ว รอเล่า ในที่สุดเมื่อวันศุกร์ที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา แอปเปิล อิงค์ เจ้าของตำแหน่งบริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงสุดในประวัติศาสตร์ก็ได้ฤกษ์ดีวางจำหน่าย “ไอโฟน 5" (iPhone 5) อย่างเป็นทางการพร้อมกันใน 9 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา แคนาดา เยอรมนี ฝรั่งเศส อังกฤษ ญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์ และออสเตรเลีย ก่อนที่จะวางขายในอีก 22 ประเทศในวันศุกร์ที่ 28 ก.ย.นี้ และในกว่า 100 ประเทศภายในสิ้นปีนี้
แม้นักวิเคราะห์บางสำนักออกอาการผิดหวังกับตัวเลขยอดขายในช่วงเปิดตัว 3 วันแรกของไอโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด เนื่องจากมีการคาดการณ์กันว่ายอดขายน่าจะสูงกว่านี้ที่ราว 6 ล้าน หรือบางรายประเมินไว้สูงถึง 10 ล้านเครื่องเลยทีเดียว แต่หากเทียบกับยอดขาย ไอโฟน 4S จำนวน 4 ล้านเครื่องในช่วงเปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว ตัวเลข 5 ล้านก็ไม่ถือว่า "ขี้เหร่" แต่อย่างใด
"ความต้องการไอโฟน 5 นั้นสูงอย่างไม่น่าเชื่อ" ทิม คุก ซีอีโอของแอปเปิลระบุในแถลงการณ์เมื่อวันจันทร์ที่ 24 ก.ย.ที่ผ่านมา "เรากำลังทำงานกันอย่างหนักเพื่อส่งมอบไอโฟน 5 ถึงมือลูกค้าทุกคนอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้"
กระแสคลั่งไคล้ไอโฟน 5 ถูกจุดปะทุขึ้นแทบจะทั่วทุกมุมโลก ซึ่งหากพูดถึงเอเชีย ประเทศแรกๆ ที่กำลังถูกไข้ไอโฟนเล่นงานคงหนีไม่พ้น ญี่ปุ่น ขณะที่ตลาดซึ่งมีขนาดยักษ์จนไม่อาจมองข้ามได้ก็คือ จีน ลองมาดูกันว่า "กระแสคลั่งไอโฟน 5" จะสามารถทะลุทะลวง "กระแสคลั่งชาติ" เข้าไปแพร่ระบาดในประเทศ "เพื่อนบ้าน" ที่กำลังจะกลายเป็น "ศัตรู" ได้มากขนาดไหน
"ถูกใจ ใช่เลย" ไอโฟน 5 โดนใจสาวกแดนปลาดิบ
กลายเป็นภาพที่คุ้นชินกันไปแล้วกับการที่ชาวญี่ปุ่นจำนวนมากเข้าแถวรอหน้าร้านค้าเพื่อจับจองสินค้าออกใหม่ และภาพนี้ได้เกิดขึ้นอีกครั้งกับการเปิดตัว ไอโฟน 5 เมื่อชาวญี่ปุ่นหลายร้อยคนยอมสละเวลาหลายชั่วโมงมาเข้าคิวรอหน้าร้านค้าปลีกหลายแห่ง ซึ่งรวมถึงร้านแอปเปิลสาขาใหญ่ในกรุงโตเกียว เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่พลาดการเป็นเจ้าของไอโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดเป็นคนแรกๆ ของประเทศ และอาจจะของโลก
นับเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 1 ปีที่แอปเปิลเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่ไฉไลกว่าเดิม ด้วยรูปลักษณ์ที่สวยงาม เรียบหรู ตามสไตล์แอปเปิล ไอโฟน 5 ผลิตจากกระจกและอลูมิเนียม ขนาดหน้าจออัพไซต์เพิ่มเป็น 4 นิ้ว จากรุ่นก่อนๆ ที่ 3.5 นิ้ว ขณะที่ตัวเครื่องหนาเพียง 7.6 มิลลิเมตร หรือบางกว่าไอโฟน 4S 18% และหนักเพียง 112 กรัม หรือ เบากว่ารุ่น 4S 20%
นอกจากจะได้รับการแปลงโฉมภายนอกแล้ว ไอโฟน 5 ยังมาพร้อมกับความสามารถอัดแน่นอยู่ภายในแบบจัดเต็มยิ่งกว่าเดิม อาทิ แบตเตอรีที่อยู่ได้นานขึ้น โดยเปิดเครื่องสแตนด์บายได้นานถึง 225 ชั่วโมง อีกทั้งยังสามารถโทรคุยบนเครือข่าย 3G และ LTE ได้นาน 8 ชั่วโมง พร้อมกล้องที่เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ เช่น โหมดถ่ายภาพในสภาพแสงน้อย รวมถึงถ่ายพาโนรามาได้ในตัว ไม่ต้องโหลดแอพเพิ่ม เป็นต้น
จุดเด่นที่แอปเปิลภูมิใจนำเสนอสำหรับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดนี้คือ A6 chip ที่เรียกได้ว่าเล็กพริกขี้หนู เพราะขนาดที่เล็กลงกว่ารุ่นเก่าอย่าง A5 ถึง 22% แต่เร็วกว่าเดิม 2 เท่า โดยช่วยให้เปิดแอพหรือเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้เร็วยิ่งขึ้น
ไอโฟน 5 มีจำหน่ายในสีขาว (white and silver) และสีดำ (black and slate) ราคาเริ่มต้นที่ 199 ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับรุ่น 16-GB, 299 ดอลลาร์ สำหรับรุ่น 32 GB และ 399 ดอลลาร์ สำหรับรุ่น 64 GB
"ผมหยุดงานเพื่อมาต่อแถวรอตั้งแต่วันเสาร์ที่แล้ว" มิตสุยะ ฮิโรเสะ หนุ่มออฟฟิศวัย 37 ปี กล่าว โดยเขาเป็นคนแรกที่ได้เครื่องไอโฟน 5 ไปไว้ในครอบครองจากร้านแอปเปิลในย่านกินซ่า ของกรุงโตเกียว "ผมดีใจสุดๆไปเลย"
"ผมตื่นเต้นมากที่ได้เป็นเจ้าของไอโฟนรุ่นใหม่" มาซากิ อิโนอูเอะ ผู้ประกอบอาชีพอิสระวัย 25 ปี กล่าว "การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเร็วกว่าที่ผมคิด"
ประชาชนราว 750 คนยืนต่อแถวที่หน้าร้านแอปเปิล เมื่อไอโฟน 5 เริ่มเปิดขายในญี่ปุ่นเมื่อเวลา 8.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจเผยว่า ไอโฟน 5 กว่า 200 เครื่องถูกขโมยไปจากร้านจำหน่ายโทรศัพท์มือถือหลายแห่งในจังหวะโอซาก้าและเฮียวโกะ ทางภาคตะวันตกของประเทศ
"ยอดจองไอโฟน 5 สูงกว่าไอโฟนรุ่นก่อนๆมาก" มาซาโยชิ ซัน ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของซอฟต์แบงก์ โมบายล์ คอร์ป กล่าว
ซอฟต์แบงก์ และ เคดีดีไอ คอร์ป เป็นผู้จำหน่ายไอโฟน 5 ในประเทศญี่ปุ่น โดยผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือทั้งสองรายต่างจัดแคมเปญกระตุ้นยอดขายกันยกใหญ่ ด้วยความหวังว่า กระแสไอโฟนรุ่นใหม่จะช่วยเพิ่มจำนวนลูกค้าให้กับบริษัท
"ไอโฟนน่าจะช่วยให้แอปเปิลมีสถานะที่มั่นคงมากขึ้นในตลาดญี่ปุ่น" โคกิ ชิราอิชิ นักวิเคราะห์จาก ไดวา ซีเคียวริตีส์ แคปิตอล มาร์เก็ตส์ กล่าว
แม้ไอโฟน 5 ไม่ได้มีฟังก์ชั่นที่ทำให้ถึงกับต้องร้อง "ว้าว!" แต่ด้วยความสามารถที่เพิ่มขึ้นก็น่าจะช่วยดึงดูดลูกค้าทั้งหน้าใหม่และหน้าเก่าได้ไม่ยาก
จากข้อมูลโดยบริษัทวิจัย ไอดีซี เจแปน แอปเปิลมีส่วนแบ่งยอดขายในตลาดญี่ปุ่นที่ 28.7% ในระหว่างเดือนเม.ย.-มิ.ย.ปีนี้ ตามมาด้วยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ ที่ 17.3% และโซนี่ คอร์ป 15.7%
อาตี๋-อาหมวยสวนกระแส "ไอโฟน 5 ฉันไม่สน"
จากผู้ตอบแบบสอบถามกว่า 36,000 ราย ในการจัดทำผลสำรวจออนไลน์โดย Sina ซึ่งเป็นเว็บพอร์ทัลชั้นนำของจีน ปรากฏว่า 48.1% บอกว่าจะไม่ซื้อไอโฟน 5 ขณะที่อีก 24.6% ตอบว่าจะขอรอดูก่อน และ 27.3% ฟันธงว่าจะซื้อ
"ฉันอาจจะซื้อไอโฟน 5 หลังจากที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศจีน ซึ่งอาจจะอีกนานหลายเดือน แต่ ณ ตอนนี้ ฉันรู้สึกเฉยๆ" หวัง เหยา พนักงานบริษัทวัย 26 ปีในกรุงปักกิ่ง กล่าว โดยหวังเผยว่า เธอใช้ไอโฟนมา 3 เครื่องแล้ว ซึ่งรวมถึงไอโฟน 4S ที่อยู่ในมือขณะนี้ แถมยังมีไอแพดอีก 2 เครื่อง แต่เธอไม่ได้รู้สึกพิเศษกว่าใครเหมือนแต่ก่อน "เพราะเดี๋ยวนี้ใครๆก็มีไอโฟน"
"แอปเปิลเคยเป็นผลงานศิลปะ" Feixiangwang Xiangligang แสดงความเห็นบน Sina Weibo ซึ่งเป็นไมโครบล็อกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของจีน "แต่มนต์ขลังนั้นได้จางหายไปแล้ว เมื่อไอโฟน 5 กลายเป็น สิ่งที่ใครๆ ก็คาดเดาได้"
กง เซิน ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจโมบายล์ของ Zhongguancun Online เว็บไซต์ด้านเทคโนโลยีอันดับต้นๆของจีน ชี้ว่า โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ๆที่ได้รับความนิยมด้วยหน้าจอแบบสัมผัส (ทัชสกรีน) ขนาดใหญ่ ง่ายต่อการใช้งาน และคุ้มราคา กำลังบีบตลาดไอโฟน
"ผู้บริโภคชาวจีนขึ้นชื่อเรื่องเปลี่ยนมือถือบ่อย แต่พวกเขาเริ่มมีเหตุผลมากขึ้นในการเลือกแบรนด์และประสิทธิภาพที่คุ้มค่า"
หวัง หยง เลขาธิการทั่วไปของ แบรนด์ ไชน่า อินดัสทรี ยูเนียน กล่าวว่า เป็นที่ทราบกันดีแต่ไหนแต่ไรมาแล้วว่า แอปเปิล "เย่อหยิ่ง ทะนงตน" โดยเฉพาะกับตลาดจีนแผ่นดินใหญ่ และแอปเปิลก็ไม่สามารถตอบสนองลูกค้าในประเทศจีนได้ ทั้งในแง่ความนิยมชมชอบและการบริการ
หากแอปเปิลต้องการที่จะเจาะตลาดขนาดใหญ่ในจีนให้ได้นั้น เขาแนะว่า แอปเปิลควรเคารพและให้ความสำคัญกับวันเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในประเทศจีนให้มากกว่านี้ รวมถึงการเพิ่มโควต้าสินค้า และการปรับบริการให้เข้ากับลูกค้าชาวจีน
ทั้งนี้ แอปเปิลยังไม่ได้กำหนดวันที่จะเริ่มจำหน่ายไอโฟน 5 ในประเทศจีน
นายหวังกล่าวต่อว่า ราคาที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนยี่ห้ออื่นๆ ทำให้ผลิตภัณฑ์ของแอปเปิลจำกัดอยู่ที่กลุ่มลูกค้าระดับไฮเอนด์และเหล่าผู้นำแฟชั่นเท่านั้น และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ชาวจีนส่วนมากเลือกที่จะใช้โทรศัพท์ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์แทน
นอกจากนี้ ระบบปิด (closed system) ยังทำให้ไอโฟนทำงานร่วมกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆได้ลำบาก ด้วยข้อจำกัดนี้ ไอโฟนจึงเสียเปรียบในการแข่งขันกับมือถือยี่ห้ออื่นๆ
หากจะมีอะไรที่ช่วยให้ไอโฟนเอาชนะคู่แข่ง สิ่งนั้นคงเป็น นวัตกรรมที่เปรียบเสมือนดีเอ็นเอซึ่ง สตีฟ จ๊อบส์ อดีตซีอีโอผู้ล่วงลับของแอปเปิลได้ฝังรากไว้ในบริษัทที่เขาร่วมสร้างขึ้น นายหวังกล่าวสรุป