ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดตลาดภาคเช้าร่วงลง 1.7% ในวันนี้ (29 ต.ค.) เนื่องจากบรรยากาศการซื้อขายในตลาดถูกกดดันจากเงินเยนที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 15 ปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์ และผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่อ่อนแอเกินคาด
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดภาคเช้าร่วงลง 159.42 จุด หรือ 1.70% แตะที่ 9,206.61 จุด
ราคาหุ้นดิ่งลงเกือบทุกกลุ่ม โดยหุ้นกลุ่มผู้ผลิตแก้วและเซรามิกร่วงลงหนักสุด ตามด้วยหุ้นกลุ่มเหล็กและเหล็กกล้า และกลุ่มเหมืองแร่ ส่วนหุ้นกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้าเป็นหุ้นเพียงกลุ่มเดียวที่ดีดตัวขึ้นในช่วงเช้านี้
นักลงทุนวิตกกังวลเมื่อเงินเยนแข็งค่าขึ้นเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ และผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ย.ของญี่ปุ่นที่อ่อนแอเกินคาด ซึ่งส่งผลให้มีแรงเทขายเข้ามาในวงกว้าง โดยเฉพาะหุ้นที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมส่งออกที่ถูกแรงขายกระหน่ำลงมากที่สุดเนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า การแข็งค่าของเงินเยนจะส่งผลให้กำไรในตลาดต่างประเทศของบริษัทญี่ปุ่นหดตัวลงด้วย
หุ้นบริษัทชาร์ป ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทที่ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการ ร่วงลง ขณะที่หุ้นของบริษัทที่รายงานผลประกอบการที่แข็งแกรงและได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการในปีนี้ ดีดตัวขึ้นในช่วงเช้านี้
มาซาโตชิ ซาโตะ นักวิเคราะห์จากบริษัทมิซูโฮ อินเวสเตอร์ส ซิเคียวริตีส์ กล่าวว่า "ตลาดหุ้นโตเกียวได้รับแรงกดดันจากข้อมูลทั้งระดับมหภาคและจุลภาค รวมถึงเงินเยนที่แข็งค่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่อ่อนแอ และการที่บริษัทหลายแห่งรวมถึงชาร์ป ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการ"
กระทรวงเศรษฐกิจการค้าและอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น เปิดเผยในช่วงเช้านี้ว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลง 1.9% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบกับเดือนส.ค. และเป็นสถิติที่ลดลงเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน นอกจากนี้ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ย.ยังร่วงลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลล์สำนักข่าวเกียวโดคาดว่า จะขยับลงเพียง 0.6%
โบรกเกอร์หลายรายกล่าวว่า การที่ตลาดหุ้นโตเกียวร่วงลงในช่วงเช้านี้เป็นเพราะปัจจัยทางเทคนิคที่กระตุ้นให้มีแรงขายส่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ขณะที่นักลงทุนพากันปรับโพสิชั่นก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะประชุมในช่วงต้นสัปดาห์หน้า