TOGเล็งขึ้นราคาสินค้า5-7%ปีหน้า,เปิดห้องแล็ปฟิลิปปินส์/กำไรปีนี้ทรงตัว

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday October 29, 2010 10:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสว่าง ประจักษ์ธรรม ประธานกรรมการ บมจ.ไทยออพติคอล กรุ๊ป (TOG) ผู้ผลิตและจำหน่ายเลนส์สายตารายใหญ่ของประเทศไทย เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทวางแนวทางลดผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่าด้วยการปรับเพิ่มราคาขาย นอกเหนือจากการทำประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน โดยบริษัทเตรียมปรับขึ้นราคาขายในปี 54 หลังจากเงินบาทยังมีแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่อง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ซื้อ คาดว่าจะปรับเพิ่มได้อีก 5-7%

อย่างไรก็ตาม การเจรจากับผู้ซื้อเป็นลักษณะประนีประนอม ทำให้บริษัทปรับขึ้นราคาสินค้าได้ไม่เต็มที่ทันทีตามเงินบาทที่แข็งขึ้น แต่อาจจะเป็นการทยอยปรับขึ้น

ส่วนแผนขยายการลงทุนที่ร่วมกับพันธมิตรประเทศต่างๆ ในปีหน้ามีแผนจะเปิดห้องแล็ปที่ฟิลิปปินส์ ส่วนที่เวียดนามชะลอออกไปก่อน จากที่ผ่านมาบริษัทได้ตั้งห้องแล็บเลนส์ฝนพิเศษโดยร่วมลงทุนกับพันธมิตรประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์เริ่มดำเนินการผลิตไปแล้ว คาดว่ารายได้จะเข้ามาชัดเจนในปี 54 โดยจะมีส่วนแบ่งรายได้ประเทศละประมาณ 100-120 ล้านบาท

*บาทแข็งกระทบกำไร ส่งผลปีนี้แค่ทรงตัว แม้ยอดขายเติบโต

นายสว่าง กล่าวว่า เงินบาทที่แข็งค่ายอมรับว่ามีผลกระทบทางลบต่อบริษัท เนื่องจากมีการส่งออกถึง 95% ของรายได้รวม ซึ่งจะทำให้กระทบการทำกำไรในปีนี้ 5-10 ล้านบาท จึงคาดว่ากำไรสุทธิในปีนี้คงจะใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 130 ล้านบาท แม้รายได้เติบโตก็ตาม

อย่างไรก็ตาม บริษัทมีการนำเข้าวัตถุดิบเป็นดอลลาร์สหรัฐก็จะชดเชยกันระหว่างซื้อขายเป็นดอลลาร์ สำหรับวัตถุดิบที่นำเข้าจะเป็นพวกโมโนเมอร์ และหัวเชื้อ ซึ่งมีการสต็อคสินค้าประมาณ 6 เดือน ไม่สต็อกเพิ่ม นอกจากนี้ยังมีส่วนต่างกำไรกับค่าแรงที่ต้องเปลี่ยนเป็นเงินบาทที่ได้มีการทำฟอร์เวิร์ดไว้ ทำให้ได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่มาก

"บาทที่แข็งค่าส่งผลให้กำไรหายไป 5-10 ล้านบาท เพราะส่งออก 95% ทำให้คาดกำไรสุทธิปีนี้เทียบปีก่อนอาจใกล้เคียงกัน ถึงแม้รายได้เพิ่มแต่ไปเสียอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งก็มีผลทั้งบวกและลบ และไตรมาส 1 กำไรเราก็ไม่ดีด้วย โดยรวมทั้งปีก็น่าจะประมาณใกล้เคียงปีก่อน"นายสว่าง กล่าว

ทั้งนี้ รายได้ทั้งปี 53 มั่นใจว่าจะได้ตามเป้าเติบโต 10% หรือประมาณ 1,400 ล้านบาท จากปี 52 ที่มีรายได้ 1,347 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกมีรายได้แล้ว 726 ล้านบาท และไตรมาส 3/53 รายได้น่าจะมากกว่าไตรมาส 2/53 ส่วนไตรมาส 4/53 ต้องรอดูสถานการณ์ที่ชัดเจนก่อน ซึ่งปกติช่วงไตรมาส 1 และไตรมาส 4 ของทุกปีจะมีช่วงการทำรายได้ดีที่สุด

นายสว่าง กล่าวว่า ไตรมาส 3/53 รายได้และกำไรจะดีขึ้นกว่าไตรมาสก่อน โดยในแง่ของรายได้จะออกมาสูงกว่าไตรมาส 2/53 ที่มีรายได้ 364 ล้านบาท และดีกว่าไตรมาส 1/53 เนื่องจากช่วงต้นปียอดส่งออกไม่ได้ตามเป้า เพราะติดปัญหาเรื่องการโยกย้ายสายการผลิต ทำให้คำสั่งซื้อที่ค้างส่งในช่วงที่ผ่านมาทยอยจัดส่งในไตรมาส 3/53 ส่งผลดีต่อยอดขายดีกว่า 2/53 ประกอบกับ บริษัทขยายกำลังการผลิตเลนส์สั่งฝนพิเศษและเครื่องตัดประกอบแว่นอัตโนมัติในบริษัทย่อย

"ไตรมาส 4 ปกติรายการสั่งซื้อไม่ได้เป็นปัญหา เพราะการสั่งซื้อของลูกค้าจะสั่งล่วงหน้าเป็นปี เพราะฉะนั้นไตรมาส 4 ยอดสั่งซื้อไม่น่าห่วง แต่ห่วงเรื่องการผลิต ต้นทุนการผลิต และอัตราแลกเปลี่ยนมากกว่า"นายสว่าง กล่าว

ขณะที่ปี 54 คาดว่ารายได้ของบริษัทจะเติบโต 10-15% เพราะตามแผน 5 ปี ตั้งเป้ารายได้ต้องเติบโต 10-15% ต่อปี โดยใน 5 ปีข้างหน้าจะกำลังผลิตมีรองรับเพียงพอจากการที่บริษัทขยายกำลังการผลิตในบริษัทย่อยและตั้งห้องแล็ปร่วมกับพันธมิตรในประเทศต่างๆ ตามแผน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ