ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (1 พ.ย.) ขานรับดัชนีภาคการผลิตที่ขยายตัวแข็งแกร่งในสหรัฐและจีน อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนมีท่าทีระมัดระวังก่อนทราบผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ดัชนี FTSE 100 บวก 19.46 จุด หรือ 0.34% ปิดที่ 5,694.62 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,667.39-5,733.01 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนดีดตัวขึ้นขานรับรายงานของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ที่ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตเดือนต.ค.ขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 56.9 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 54.0 จุด หลังจากขยายตัว 54.4 จุดในเดือนก.ย. ขณะที่สมาพันธ์โลจิสติกและการจัดซื้อแห่งชาติของจีนเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนในเดือนต.ค.อยู่ที่ระดับ 54.7 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน เพิ่มขึ้น 0.9% จากเดือนก.ย.ที่ระดับ 53.8 จุด
ดัชนีภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของสหรัฐและจีนช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการซื้อขายโดยทั่วไปยังคงซบเซา เนื่องจากนักลงทุนมีท่าทีระมัดระวังก่อนทราบผลการประชุมเฟดในวันที่ 2-3 พ.ย.นี้ โดยมีการคาดการณ์ว่าเฟดจะประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ด้วยการเข้าซื้อพันธบัตรและตราสารหนี้ และจะตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rate) ไว้ที่ 0-0.25%
หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้นในขณะที่นักลงทุนดูรายงานผลประกอบการของธนาคาร HSBC ในวันที่ 5 พ.ย.นี้ โดยหุ้นธนาคาร HSBC ปิดบวก 0.9 % หุ้นลอยด์ส แบงกิง กรุ๊ป ปิดบวก 1.0% และหุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ ปิดพุ่ง 2.2%
นอกจากนี้ ภาคการผลิตที่ขยายตัวแข็งแกร่งของจีนยังช่วยหนุนหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ทะยานขึ้นด้วย รวมถึงหุ้นเอ็กซ์สตราตาที่ปิดพุ่งขึ้น 3.7%