ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดพุ่งขึ้นเกือบ 3% ในวันนี้ (5 พ.ย.) โดยดัชนีทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 1 เดือน หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงิน ซึ่งช่วยหนุนบรรยากาศการซื้อขายให้คึกคักขึ้น และยังกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นอย่างหนาแน่นด้วย
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดพุ่งขึ้น 267.21 จุด หรือ 2.86% แตะที่ 9,625.99 จุด
ราคาหุ้นพุ่งขึ้นทุกกลุ่ม โดยหุ้นกลุ่มธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคพุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุด ตามด้วยหุ้นกลุ่มหลักทรัพย์ และกลุ่มเครื่องจักรความเที่ยงตรงสูง
มาซาโยชิ โอกาโมโตะ นักวิเคราะห์จากบริษัทจูจิยะ ซิเคียวริตีส์ กล่าวว่า "แรงซื้อเพื่อชดเชยการทำชอร์ตเซลล์ (short-covering) ช่วยหนุนดัชนีนิกเกอิทะยานขึ้นเหนือระดับ 9,300 จุด โดยก่อนหน้านี้ตลาดเคลื่อนไหวในแดนบวกเนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสอง หรือ QE2 ซึ่งเมื่อเฟดประกาศใช้จริงในการประชุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ตลาดก็ตอบรับเป็นอย่างดี"
ในช่วงเช้านั้น ตลาดหุ้นโตเกียวทะยานขึ้นขานรับดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เหตุการณ์ล้มละลายของเลห์แมน บราเธอร์สในเดือนก.ย.2551 หลังจากเฟดตัดสินใจใช้มาตรการ QE ด้วยการเข้าซื้อพันธบัตรวงเงิน 6 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง และช่วยหนุนหุ้นที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
ส่วนในการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ซึ่งเสร็จสิ้นในวันนี้นั้น คณะกรรมการบีโอเจไม่ได้ประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมตามธนาคารกลางสหรัฐ ซึ่งผลการประชุมบีโอเจส่งผลต่อสกุลเงินเยนแค่ในวงจำกัดเท่านั้น