บล.โกลเบล็ก คาดสิ้นปี 53 ดัชนี SET แตะ 1,050 จุด แต่ระวังปัจจัยเสี่ยง

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 8, 2010 14:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชนะชัย จุลจิราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ยังได้รับปัจจัยหนุนจากกระแสเงินทุนจากต่างประเทศ (Fund Flow) ส่งผลให้ดัชนีมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ยังต้องติดตามผลประกอบการไตรมาส 3/53 ของกลุ่มบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งหากออกมาไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้จะทำให้นักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนต่างประเทศอาจมีการปรับน้ำหนักการลงทุน และส่งผลให้ดัชนีปรับตัวลดลงบ้าง แต่ยังเชื่อว่าตลาดหุ้นจะยังได้รับเม็ดเงินลงทุนจากกองทุน LTF และ RMF ที่รอจังหวะเข้าซื้อในช่วงที่ดัชนีมีการปรับฐานลง

“หากเรามองการปรับขึ้นของหุ้นตอนนี้ไม่ได้ขึ้นเป็นรายกลุ่ม แต่เป็นการซื้อขายทำกำไรรายตัวมากกว่า โดยส่วนมากจะมาจาก Fund Flow ที่ส่งผลให้ดัชนีปรับตัวขึ้นมา แต่ในทางกลับกันก็มีการขายทำกำไรออกเช่นกัน เพราะในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน จนถึงเดือนธันวาคมเป็นช่วงเทศกาลวันหยุดยาว แต่ในช่วงดังกล่าวน่าจะเป็นจังหวะที่กองทุน LTF และ RMF จะเข้ามาซื้อหุ้นในช่วงปลายปี แต่แนะนำนักลงทุนให้ลงทุนอย่างระมัดระวัง โดยอาจจะมีการกระจายความเสี่ยงหรือลดความเสี่ยงด้วยการลงทุนประเภทอื่นๆ เนื่องจากดัชนีได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาจน overbought แล้ว" นายชนะชัย กล่าว

ด้านนายจักรกริช เจริญเมธาชัย รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า แนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยสิ้นปี 53 คาดว่าจะอยู่ที่ 1,050 จุด P/E อยู่ที่ 15 เท่า จากเดิมที่ประเมินไว้ที่ 920 จุด ซึ่งขณะนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นมายืนเหนือระดับ 1,000 จุดได้จากกระแส Fund Flow ที่เข้ามา แต่มองว่ามีการซื้อขายเกินความเป็นจริง (overbought) ซึ่งมีแนวโน้มที่ตลาดหุ้นจะปรับตัวลดลงจากแรงขายทำกำไร

อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม โดยอาจจะส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวลดลง ทั้งในเรื่องของการตัดสินคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ รวมถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาที่มีการขยายตัวลดลง จนส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า และค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น แต่เชื่อว่าธปท.จะไม่ออกมาตรการที่รุนแรงเพื่อให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง

กลยุทธ์ในการลงทุน แนะนำให้นักลงทุนลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นจาก 100% เหลือเพียง 70% เพื่อลดความเสี่ยงลง โดยหุ้นที่แนะนำลงทุน ได้แก่ หุ้นกลุ่มพลังงานอาทิ PTT TOP BANPU จากแนวโน้มราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจนถึงปลายปี 53 นอกจากนี้ ยังมีหุ้นกลุ่มธนาคารที่น่าสนใจ ได้แก่ KTB ที่ผลประกอบการไตรมาส 3/53 ออกมามีกำไรเพิ่มขึ้น และสินเชื่อเติบโตโดดเด่นสุด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ