ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดลบ 18.36 จุด หลังกระแสคาดจีนขึ้นดบ.กดราคาสินค้าโภคภัณฑ์ร่วง

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday November 13, 2010 06:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (12 พ.ย.) นำโดยหุ้นกลุ่มเหมืองและพลังงานที่ถูกเทขายอย่างหนัก หลังจากที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ร่วงลง ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ว่าจีนอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวลง 18.36 จุด หรือ 0.3% แตะที่ 5,796.87 จุด

ทั้งนี้ มีกระแสคาดการณ์เพิ่มมากขึ้นว่า รัฐบาลจีนจะใช้มาตรการใหม่ๆ ในการคุมเข้มนโยบายการเงิน ซึ่งข่าวนี้ส่งผลกดดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์ให้ร่วงลง

โดยตลาดหุ้นจีนปิดตลาดวานนี้ ดิ่งลง 5.16% มากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 31 ส.ค.ปีที่แล้ว เนื่องจากนักลงทุนเกรงว่า ธนาคารกลางจีนจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 2 เดือน เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ หลังจากที่ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนต.ค.ของจีน พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 25 เดือน ที่ 4.4%

ข่าวดังกล่าวส่งผลให้ราคาทองแดง และแร่โลหะอื่นๆ ร่วงลงในตลาดโลหะลอนดอน ท่ามกลางความวิตกกังวลว่าความต้องการโลหะอุตสาหกรรมในประเทศจีนจะหดตัวลง เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นอาจส่งผลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ

หุ้นกลุ่มเหมืองร่วงลงถ้วนหน้า คาซักมิส ร่วง 3.4% อันโตฟากัสตา ลดลง 2.7% และบีเอชพี บิลลิตัน บริษัทเหมืองแร่รายใหญ่สุดของโลก ลบ 2.1%

อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้น โดยหุ้นแบงก์ ออฟ ไอร์แลนด์ พุ่ง 6.3% และหุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ เพิ่มขึ้น 2.2% หลังจากที่ทรุดลงวานนี้ จากความวิตกเกี่ยวกับปัญหาหนี้สาธารณะของไอร์แลนด์

ขณะที่หุ้นโรลส์-รอยซ์ ดีดตัวขึ้น 4.6% หลังจากถูกเทขายอย่างหนักในสัปดาห์ที่แล้ว โดยถึงแม้ว่าบริษัทจะออกมายอมรับว่าอาจไม่สามารถทำกำไรได้ตามเป้าที่วางไว้ในปีนี้ เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการแก้ปัญหาความบกพร่องของเครื่องยนต์ เทรนท์ 900 ที่ทำให้สายการบินแควนตัสต้องระงับใช้งานฝูงบินแอร์บัส เอ380 แต่นักวิเคราะห์และนักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแถลงการณ์ที่ชัดเจนของโรลส์-รอยซ์ และเชื่อว่าบริษัทมีแนวโน้มที่ดีในระยะยาว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ