ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)เปิดเผยรายงานสรุปภาวะการซื้อขายหลักทรัพย์ในเดือน พ.ย.53 ว่า ปรับตัวดีขึ้นทั้งด้านดัชนีราคาและมูลค่าการซื้อขาย โดยดัชนี SET ปิดที่ 1,005.12 จุด เพิ่มขึ้น 2.10% จากสิ้นเดือนก่อน ซึ่งเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นสูงสุดเมื่อเทียบกับตลาดอื่นในภูมิภาคซึ่งส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงในเดือนนี้ ตามความกังวลของผู้ลงทุนเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกจากนโยบายการเงินที่ตึงตัวขึ้นของจีน และปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรปที่เริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้ง
ปัจจัยดังกล่าวยังมีส่วนทำให้ผู้ลงทุนต่างประเทศขายสุทธิเป็นเดือนแรกด้วยมูลค่า 6,432.34 ล้านบาท หลังเป็นผู้ซื้อสุทธิติดต่อกัน 5 เดือน ขณะที่ผู้ลงทุนสถาบันในประเทศเป็นผู้ซื้อสุทธิรวม 9,923.17 ล้านบาท
สำหรับมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ยรายวันอยู่ที่ 42,266.40 ล้านบาท ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ตลาดหลักทรัพย์เริ่มเปิดการซื้อขาย เช่นเดียวกับตลาดอนุพันธ์ที่ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยรายวันอยู่ที่ 25,450 สัญญา ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ตลาดอนุพันธ์เริ่มเปิดการซื้อขาย ขณะที่มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) ทำสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่องโดยอยู่ที่ระดับ 8,215,638 ล้านบาท ขณะที่บริษัทจดทะเบียนมีการระดมทุนในรูปตราสารทุนรวม 3,164.93 ล้านบาท
ในเดือน พ.ย.เงินลงทุนจากต่างประเทศที่เข้ามาในตลาดหลักทรัพย์ภูมิภาคชะลอลงเมื่อเทียบกับช่วง 1-2 เดือนก่อนหน้า เนื่องจากความกังวลของผู้ลงทุนต่างประเทศเกี่ยวกับนโยบายการเงินที่ตึงตัวขึ้นของจีน และปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรปที่อาจส่งผลทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงมากกว่าที่คาด โดยในตลาดที่ดัชนีปรับเพิ่มขึ้นสูงสุด 3 ลำดับแรกของภูมิภาคนับตั้งแต่สิ้นปี 52 ได้แก่ อินโดนีเซีย ไทย และฟิลิปปินส์ ผู้ลงทุนต่างประเทศได้ขายทำกำไรและเป็นผู้ขายสุทธิในเดือนนี้