โบรกเกอร์ แนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.บางจาก ปิโตรเลียม(BCP)คาดค่าการกลั่นฟื้นตัวกลับมาดีตั้งแต่ไตรมาส 4/53 และแนวโน้มจะดีต่อเนื่องไปถึงไตรมาส 1/54 จากความต้องการแข็งแกร่ง โดยขระนี้จีนมีความต้องการนำเข้าดีเซลเพิ่มขึ้น และเข้าฤดูหนาว อีกทั้งซัพพลายหายไปจากการที่อิหร่านถูกสหรัฐคว่ำบาตร
ประเมินค่าการกลั่นจะเพิ่มมาเป็น 5.00 เหรียญ/บาร์เรลในไตรมาส 4/53 จากไตรมาส 3/53 อยู่ระดับประมาณ 3 เหรียญ/บาร์เรล และปีหน้าปรับเพิ่มขึ้นเป็น 5.90 เหรียญ/บาร์เรล โบรกเกอร์จึงได้ปรับราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้นตามประมาณการกำไรสุทธิปี 54 ที่คาดว่าจะเพิ่มเป็น 3,600 ล้านบาท จากปีนี้ที่คาดมีกำไรสุทธิ 2,100-2,300 ล้านบาท พร้อมปรับขึ้นราคาเป้าหมายในปี 54
ที่ผ่านมาราคาหุ้นที่ผ่านมาไม่ได้สะท้อน มองเป็นหุ้น laggard แต่วันนี้ราคาหุ้น BCP เริ่มขยับขึ้น ปิดภาคเช้าราคาหุ้นอยู่ที่ 16.50 บาท บวก 0.50 บาท (+3.12%) โดยราคาปรับขึ้นไปสูงสุดที่ 16.80 บาท สูงสุดในรอบ 1 เดือน
โบรกเกอร์ ตำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท) บล.ภัทร ซื้อ 23.00 บล.ธนชาต ซื้อ 22.50 บล.ทรีนิตี้ ซื้อ 21.20 บล.กรุงศรีอยุธยา เก็งกำไร 20.00 บล.ไอร่า ซื้อ 19.00นางวชิราลักษณ์ แสงเลิศศิลปชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า ทางฝ่ายวิจัยได้มีการปรับราคาเป้าหมายหุ้น BCP เพิ่มเป็น 21.20 บาท อิง EV/EBITDA ปี 54 ที่ 7 เท่า จาก 17.60 บาท อิง EV/EBITDA ปี 53 ที่ 5 เท่า เพราะเห็นแนวโน้มโรงกลั่นฟื้นตัวจากความต้องการใช้มากในปีหน้า
"แม้ว่าโรงกลั่นบางจากเป็น Complex Refinery แต่ราคาหุ้นไม่ได้สะท้อน เพราะไม่ได้ทำธุรกิจครบวงจรที่มีธุรกิจปิโตรเคมีเหมือนตัวอื่น"นางวชิราลักษณ์ กล่าวอย่างไรก็ตาม คาดว่าระยะนี้ ช่วงไตรมาส 4/53 ถึงไตรมาส 1/54 ธุรกิจจะดีขึ้นตามค่าการกลั่นที่ปรับตัวดีขึ้น โดยคาดว่ากำไรสุทธิในปี 54 จะปรับเพิ่มเป็น 3,600 ล้านบาท จากปี 53 ที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 2,157 ล้านบาท
ด้านนายชาญวุทธ เตชอมรธนกิจ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรีอยุธยา คาดว่า ค่าการกลั่นของ BCP ในปีหน้าจะปรับตัวดีขึ้นเป็น 5.90 เหรียญ/บาร์เรล จากปี 53 คาดว่ามีค่าการกลั่น 5.10 เหรียญ/บาร์เรล เนื่องจากคาดว่าปีหน้าจะมีซัพพลายลดลง
โดยเฉลี่ย 5 ปี จะมีซัพพลายประมาณกว่า 2 ล้านบาร์เรล/วัน จากเดิมมี 5 ล้านบาร์เรล/วัน ขณะที่ความต้องการจะเพิ่มตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว แม้ว่าจะยังมีซัพพลายล้นตลาดแต่ไม่มาก และยังมีความต้องการดีเซลจากจีน และเข้าสู่ฤดูหนาว จึงเห็นว่าค่าการกลั่นได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว
นอกจากนี้ ในปีหน้า BCP จะมีเดินเครื่องกำลังการผลิตเป็น 9 หมื่น-1 แสนบาร์เรล/วัน จาก ปี 53 กำลังการผลิตทำได้ไม่เต็มที่ระดับ 8 หมื่นบาร์เรล/วัน หลังจากเริ่มโครงการ PQI เมื่อต้นปี 53 ดังนั้น จึงประมาณการกำไรสุทธิปี 54 เพิ่มเป็น 3,600 ล้านบาท จากปี 53 ที่คาดมีกำไรสุทธิ 2,300 ล้านบาท
"แนะนำให้ เก็งกำไร ผลประกอบการไตรมาส 4/53 และ ไตรมาส 1/54 จะดีขึ้นจากค่าการกลั่นที่ดีขึ้น แต่ถ้าเปรียบเทียบกับโรงกลั่นอื่น แนะนำให้ TOP และ PTTAR เป็น top pick ที่ได้ประโยชน์ทั้งจากค่าการกลั่นและปิโตรเคมีที่มีส่วนต่างราคาสูงขึ้น"นายชาญวุทธ กล่าวส่วนนายอธิภู วิศวเวช นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไอร่า กล่าวว่า มีมุมมองเป็นบวกต่อหุ้น BCP เช่นกัน เพราะคาดว่าค่าการกลั่นในไตรมาส 4/53 และไตรมาส 1/54 จะปรับเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 5 เหรียญ/บาร์เรล จากไตรมาส 3/53 ที่มีค่าการกลั่นในระดับ 3 เหรียญ/บาร์เรล เนื่องจากความต้องการดีเซลจากจีนเพิ่มขึ้น และเข้าสู่ฤดูหนาว ขณะที่อิหร่านถูกคว่ำบาตรจากสหรัฐทำให้ซัพพลายในตลาดหายไปส่วนหนึ่ง
"แนะนำให้ ซื้อ BCP ราคาเป้าหมายปี 54 อยู่ที่ 19 บาท และหุ้น BCP ยังเป็น laggard มีความเคลื่อนไหวน้อยกว่าหุ้นโรงกลั่นตัวอื่น"นายอธิภู กล่าว