โบรกฯมองแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่นกระทบศก.ทั่วโลก แต่โรงกลั่น-อาหารรับผลบวก

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday March 14, 2011 09:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเกียรติศักดิ์ เจนวิภากุล กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัย บล.ไทยพาณิชย์(SCBS) กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"ถึงกรณีการเกิดแผ่นดินไหวที่ประเทศญี่ปุ่นว่า ตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่เช้านี้เปิดตลาดฯมาก็ร่วงแรงเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากแผ่นดินไหวและสึนามิ ซึ่งในช่วงสั้น Sentement เป็นลบ ในระดับ Global จะต้องได้รับผลกระทบกันหมด

หากมองภาพใหญ่จะเห็นได้ว่าญี่ปุ่นมีอัตราการเติบโตของ GDP ในอันดับต้น ๆ ของโลก ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวขึ้นก็ย่อมที่จะต้องส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลกไปด้วย

ช่วงสั้นของผลกระทบที่เห็นได้ชัดในเรื่องของพลังงาน ซึ่งความต้องการน้ำมันสำเร็จรูปยังมีอยู่มาก ขณะที่โรงกลั่นในญี่ปุ่นก็ถูกปิดไป ดังนั้น กลุ่มโรงกลั่นในประเทศอื่น ๆ ก็จะได้ประโยชน์จากตรงนี้อย่างชัดเจน และกลุ่มอาหารก็น่าจะได้ประโยชน์ จากความต้องการอาหารในญี่ปุ่นน่าจะมีมากขึ้น และทั่วโลกก็ยังขาดแคลนอาหาร ซึ่งคงจะทำให้ราคาอาหารสูงขึ้น

"ตอนนี้ยังยากที่จะประเมินความเสียหายในญี่ปุ่นอยู่ เนื่องจากเวลานี้ที่ญี่ปุ่นก็ยังมีอาฟเตอร์ช็อคกันอยู่เป็นระยะ ๆ และอาฟเตอร์ช็อคตรงนี้ก็ไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไร บางทีอาจเป็นอาทิตย์ อาจเป็นเดือนก็ได้ ซึ่งมองดูแล้วแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่นรอบนี้รุนแรงจริง ๆ"นายเกียรติศักดิ์ กล่าว

กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัย SCBS กล่าวว่า สำหรับตัวเลข GDP ของไทยที่ได้ประมาณการไว้ อาจจะต้องมีการปรับประมาณการกันใหม่อีกครั้ง ซึ่งเชื่อว่าก็คงจะต้องมีการปรับตัวเลข GDP กันทั่วโลก หลังจากเกิดเหตุแผ่นดินไหวในญี่ปุ่นรุนแรงในครั้งนี้

ด้านบล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า กลุ่มอุตสาหกรรมบางกลุ่มได้ประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อมจากเหตุการณ์ในญี่ปุ่น ได้แก่ กลุ่มโรงกลั่น เพราะโรงกลั่นอย่างน้อย 4 แห่ง ตั้งอยู่ใกล้เมืองหลวงโตเกียว เกิดไฟไหม้ และต้องปิดโรงกลั่นลง ย่อมทำให้ค่าการกลั่นในเอเชียมีแนวโน้มขยับขึ้น เพราะหากประเมินจากกำลังการกลั่นน้ำมันทั้งหมดของญี่ปุ่นคิดเป็น 15% ของกำลังการกลั่นน้ำมันทั้งหมดในเอเชีย และกำลังการกลั่นน้ำมันของญี่ปุ่น เกือบ 50% อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับโตเกียว ประเด็นดังกล่าวย่อมเป็นบวกต่อกลุ่มโรงกลั่น Top Pick คือ TOP, IRPC, BCP

ขณะที่กลุ่มปิโตรเคมี โรงงานปิโตรเคมีและโรงกลั่นที่ปิดทำการหลายแห่ง ย่อมส่งผลกระทบต่อวัตถุดิบในสายการผลิต อาจส่งผลกระทบต่อการผลิต Benzene และ PX ซึ่งเป็นบวกต่อ TOP, ESSO, SCC

และ กลุ่มอาหาร เพราะหากประเมินจากสถานการณ์แหล่งปศุสัตว์ และการประมงของญี่ปุ่น น่าจะได้รับความเสียหายค่อนข้างมาก ทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่ญี่ปุ่นจะต้องนำเข้าอาหารจากต่างประเทศมากขึ้น โดยประเมินว่า CPF, TUF น่าจะได้ประโยชน์ดังกล่าว ไม่มากก็น้อย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ