บลจ.ทิสโก้ แนะทยอยลงทุนหุ้นจีน จาก PE ยังต่ำ-แนวโน้มศก.เริ่มดีขึ้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday March 21, 2011 17:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุนธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลและกองทุนรวม บลจ.ทิสโก้ เปิดเผยว่า สถานการณ์การลงทุนในช่วงครึ่งแรกของปี 54 ถือเป็นจังหวะเหมาะสมที่จะทยอยลงทุนในหุ้นจีนเพิ่มขึ้น เนื่องจากปัญหาที่นักลงทุนกังวลอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความร้อนแรงของเศรษฐกิจจีนที่เดิมคาดว่าจะมีการขยายตัวเป็นตัวเลขสองหลัก ปัญหาด้านอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เริ่มมีสัญญาณว่าจะคลี่คลายลงไปในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

ปัญหาดังกล่าวส่วนหนึ่งได้รับการแก้ไขจากทางรัฐบาลจีนที่ยังคงเดินหน้านโยบายการเงินแบบเข้มงวดโดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและอัตราเงินสำรองธนาคารพาณิชย์ต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยชะลอการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ร้อนแรงจนเกินไปได้ ส่วนเงินเฟ้อเริ่มผ่อนคลายลง เป็นผลมาจากการเปรียบเทียบกับฐานตัวเลขในปีที่แล้วซึ่งสูงมาก

ดังนั้น ในปีนี้จึงเป็นเรื่องปกติที่ตัวเลขเงินเฟ้อจะปรับลดลงตั้งแต่ในช่วงครึ่งปีหลัง อีกทั้งราคาสินค้าเกษตรที่ถือเป็นปัจจัยหลักที่มีผลต่อเงินเฟ้อ ได้เริ่มอ่อนตัวลงอย่างชัดเจนในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา และจะยังลดลงไปเรื่อย ๆ เนื่องจากจำนวนผลผลิตใหม่จากการเพาะปลูกที่เข้ามาเริ่มมีจำนวนมากขึ้น ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้จนถึงปีหน้า ปัญหาด้านเงินเฟ้อจากราคาสินค้าเกษตรจะผ่อนคลายไปค่อนข้างมาก

สำหรับปัญหาเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นจากราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นนั้น เป็นผลมาจากเหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศแถบแอฟริกาเหนือ ไม่ได้เกิดจากดีมานด์และซับพลายในตลาดมีการขาดแคลนอย่างแท้จริง แต่ปัญหาดังกล่าวสามารถถูกชดเชยได้ด้วยการผลิตส่วนเกินในซาอุดิอาระเบีย อย่างไรก็ดีถ้าปัญหาการสู้รบในประเทศแถบนี้ไม่ลุกลามไปยังประเทศอื่น ๆ ที่มีการผลิตน้ำมันในระดับสูงเช่น ซาอุดิอารเบีย และอิหร่าน สถานการณ์ราคาน้ำมันคาดว่าจะยังไม่วิกฤต และยังไม่ถึงขึ้นจะเกิดภาวะ Oil Shock ได้ และท้ายที่สุดราคาน้ำมันก็น่าปรับตัวลดลงสู่ระดับปกติได้

จากปัจจัยสนับสนุนทั้งเศรษฐกิจจีนที่จะยังมีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง หรืออาจจะชะลอตัวลงมาอยู่ที่ประมาณ 9% โดย PE ของหุ้นจีนที่จดทะเบียนที่ฮ่องกงในปีนี้อยู่ที่ประมาณ 10-11 เท่า ซึ่งถือว่าน่าสนใจมาก และเชื่อว่า P/E จีนจะสามารถปรับตัวสูงขึ้นไปสู่ระดับปกติที่ไม่ต่ำกว่า13 เท่า ดังนั้นจึงน่าจะมี Upside อยู่ที่ประมาณ 20-30% ทำให้การลงทุนในหุ้นจีนถือเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจในขณะนี้ คำแนะนำคือให้เริ่มทยอยซื้อในช่วงครึ่งปีแรกนี้ เนื่องจากราคาจะยังค่อนข้างถูก และได้สะท้อนข่าวร้ายไปมากแล้ว และเมื่อปัญหาและความกังวลต่าง ๆ จะเริ่มคลี่คลายในช่วงครึ่งปีหลังก็จะทำให้หุ้นจีนรีบาวด์ได้อีกครั้ง

ส่วนเหตุการณ์แผ่นดินไหวในญี่ปุ่น ซึ่งสร้างความเสียหายครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นนั้น คาดว่าจะมีผลกระทบต่อจีนไม่มาก เนื่องจากจีนเป็นประเทศที่พึ่งพาการบริโภคในประเทศเป็นหลักในการเติบโตทางเศรษฐกิจ ขณะที่การส่งออกจะมุ่งเน้นไปที่ตลาดทางฝั่งยุโรป อเมริกา และประเทศอื่น ๆ ในทวีปเอเชียเป็นหลัก ในทางตรงกันข้ามอาจจะได้รับประโยชน์โดยอ้อมจากการที่นักท่องเที่ยวจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงประเทศญี่ปุ่น และหันไปท่องเที่ยวประเทศอื่น ๆ ในเอเชียรวมถึงประเทศจีนแทน

อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์กองทุนรวมของ บลจ.ทิสโก้ ที่จะสามารถตอบสนองความต้องการลงทุนในหุ้นจีน ประกอบด้วย “กองทุนเปิด ทิสโก้ ไซน่า H-Shares อิควิตี้ (TISCO China H-Shares Equity Fund)" ที่สามารถซื้อขายได้ทุกวันทำการ โดยเน้นลงทุนในบริษัทชั้นนำของประเทศจีนที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกง ซึ่งจะลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Lyxor ETF China Enterprise (HSCEI) ซึ่งเป็นกองอีทีเอฟที่มีวัตถุประสงค์สร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี Hang Seng China Enterprises


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ