นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) คาดว่ารายได้รวมปีนี้จะเติบโตมากกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 5-6% เนื่องจากได้รวมกิจการ บริษัท ฮัทชิสัน ซีเอที ไวร์เลส มัลติมีเดีย จำกัด (Hutch) ผู้ให้บริการมือถือระบบซีดีเอ็มเอ และไตรมาส 1/54 รายได้รวมน่าจะดีกว่างวดเดียวกันของปีก่อน เพราะเริ่มรวมงบ Hutch เข้ามาด้วย
ในปีนี้ กลุ่มทรูใช้เงินลงทุน 1 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น ทรูมูฟ ลงทุน 3-4 พันล้านบาท ทรู ออนไลน์ ลงทุน 4-5 พันล้านบาท และทรูวิชั่นส์ ลงทุน 1 พันล้านบาท
ส่วนการลงทุน 3G ที่ทำร่วมกับ บมจ.กสท.โทรคมนาคม คาดว่าใช้งบลงทุน 1.2 หมื่นล้านบาท ภายใน 3 ปี (ปี 54-56) เพื่อใช้ในการติดตั้งสถานีฐาน 4,500 แห่ง รองรับผู้ใช้บริการ 4 ล้านราย ซึ่งคาดว่าจะมีกำไรในปีที่ 4 หรือภายในปี 57 โดยคาดว่าจะมีผลตอบแทนจากการลงทุน(IRR) 30%
ทั้งนี้ ในเดือนเม.ย.นี้ บริษัทได้ให้บริการ 3G ที่เป็นลูกค้าเดิมของฮัทช์ และคาดว่าจะเปิดให้บริการแก่ประชาชนทั่วไปได้ในไตรมาส 3/54 ในชื่อ ทรูมูฟ เอช
นายศุภชัย เชื่อว่า การที่บริษัทได้ทำข้อตกลงซื้อ Hutch จาก กสท. และได้อายุสัญญา 14 ปี ไม่มัปัญหาด้านกฎหมายเพราะได้ศึกษามาอย่างดี หากมีปัญหาน่าจะเกิดก่อนที่ทรูจะเข้าไปซื้อ และไม่สนใจหากถูกการเมืองกลั่นแกล้ง
"หากเลือกตั้งแล้วไม่ใช่รัฐบาลนี้ เอาเป็นว่า ขั้วไหนจะมา เราในฐานะนักธุรกิจก็จะ Focus ไปที่ธุรกิจ แต่ถ้ากรณีมีการกลั่นแกล้ง ในด้านกฎหมายได้ศึกษามาเต็มที่แล้วในการเข้าร่วมลงทุนกับกสท. เราไม่ใช่เป็นรายแรก ฮัทช์ทำมา 10 ปี" นายศุภชับกล่าว
นายศุภชัย คาดว่าตลาด 3Gในประเทศจะขยายตัวได้อย่างมาก เพราะจะเข้ามาทดแทนอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง ซึ่งต้องใช้สาย และมีการลงทุนที่แพงมาก แต่หากมี 3G ซึ่งเป็นระบบไร้สายน่าจะได้ความนิยม และคาดว่าจะกลายเป็นบริการสาธารณูปโภค ไม่ใช่เพียงบริการเสริม เนื่องจากระบบมีสายไปไม่ถึง ซึ่งทรูได้เปรียบ 2 อย่างคือ บริษัทเริ่มธุรกิจ 3G เร็วกว่าคนอื่น และ เป็นผู้เล่นที่ครบวงจร เช่น เคเบิลทีวี บรอดแบรนด์ คอนเท้นท์ จึงคาดว่าบริษัทจะแข่งได้