ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (8 เม.ย.) เนื่องจากราคาโลหะที่ปรับตัวสูงขึ้นช่วยหนุนหุ้นกลุ่มเหมืองแร่
ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวขึ้น 48.38 จุด หรือ 0.81% แตะที่ 6,055.75 จุด
นักวิเคราะห์กล่าวว่า หลังจากที่ตลาดปิดอ่อนตัวลงเมื่อวันพฤหัสบดีเพราะความวิตกกังวลเกี่ยวกับเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงอีกครั้งหนึ่งในญี่ปุ่น แต่หุ้นบลูชิพก็ได้กลับมาดีดตัวขึ้นในวันศุกร์ หลังจากมีรายงานว่าเหตุการณ์แผ่นดินไหวดังกล่าวไม่ได้สร้างความเสียหายร้ายแรงอย่างที่หลายคนกลัวในตอนแรก
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ดีดตัวขึ้นแข็งแกร่งสุด นำโดยแองโกล อเมริกัน ที่พุ่งขึ้น 3.9%, ริโอ ทินโต บริษัทเหมืองแร่อันดับสาม พุ่ง 3.2%, บีเอชพี บิลลิตัน บริษัทเหมืองแร่รายใหญ่สุดของโลกบวก 2.7% และเฟรสนิลโล บริษัทผู้ผลิตโลหะเงินรายใหญ่สุดของโลก ไต่ระดับขึ้น 2.4%, คาซักมิส ผู้ผลิตทองแดงรายใหญ่สุดของคาซักสถาน บวก 1.9% โดยได้แรงหนุนจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์หลายประเภทที่ยังคงปรับตัวสูงอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นทองแดง ตะกั่ว นิกเกิล และดีบุก
หุ้นสกอตติช แอนด์ เซาเทิร์น เอนเนอร์จี บริษัทพลังงานรายใหญ่อันดับ 2 ของอังกฤษ พุ่ง 2.3% หลังจากที่มีการคาดการณ์ว่าผลกำไรของบริษัทอาจเพิ่มขึ้น
ขณะที่หุ้นลบได้แก่ ICAP ร่วงลง 3.89% และ แอกกรีโก บริษัทพลังงาน ลดลง 1.77%
วานนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษรายงานดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) หรือราคาสินค้าหน้าโรงงาน ประจำเดือนมีนาคมที่ปรับตัวสูงขึ้นกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ เนื่องจากต้นทุนเชื้อเพลิงและราคาอาหารที่ทะยานขึ้น ซึ่งเป็นการเพิ่มกระแสคาดการณ์ว่าธนาคารอังกฤษอาจจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
โดยดัชนี PPI เดือนมี.ค. ปรับตัวขึ้น 0.9% จากเดือนก.พ. และพุ่งขึ้น 5.4% จากปีก่อน ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2551
ทั้งนี้ ธนาคารกลางอังกฤษเพิ่งตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.5% ในการประชุมเมื่อวันพฤหัสบดี แต่ข้อมูลประกอบเงินเฟ้อล่าสุดนี้เป็นการเพิ่มแรงกดดันให้ธนาคารอังกฤษอาจจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากที่ราคาผู้บริโภคได้ขยายตัวอยู่สูงกว่าระดับเป้าหมายที่ 2% ของรัฐบาลถึงกว่าสองเท่าแล้ว โดยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ล่าสุดในเดือนก.พ. ได้ปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 4.4%