สมาคม บลจ.เตือนแข่งโปรโมชั่นอาจเสียคุณภาพ,หนุนขายผ่านบล.-บ.ประกัน

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 4, 2011 14:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสถาปนะ เลี้ยวประไพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สมาคมบริษัทจัดการลงทุน ในฐานะนายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน เปิดเผยว่า ตนจะหารือกับสมาชิกเพื่อกำหนดแนวทางในการขายกองทุนตราสารหนี้ โดยจะให้สมาชิกให้ความสำคัญด้านผลดำเนินงาน และผลตอบแทนของกองทุนมากกว่าการลดแลกแจกแถม เพื่อให้นักลงทุนเห็นความสำคัญของกองทุนในเชิงคุณภาพมากขึ้น หลังจากที่มาอร์นิ่งสตาร์มีผลสำรวจไทยมีการแข่งขันการขายกองทุนรวมรวมถึงการลดแลกแจกแถมสูง

นอกจากนี้ จะปรับเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นของบริษัทจัดการการลงทุน(บลจ.) โดยเฉพาะ บลจ.ขนาดใหญ่ ที่มีธนาคารเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อให้เกิดการกระจายการเสนอขายกองทุนรวม หลายๆแห่งซึ่งไม่จำกัดเฉพาะกองทุนของบลจ.ที่ธนาคารที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ โดยจะเปิดกว้างให้บริษัทประกันชีวิต และ บริษัทหลักทรัพย์ เป็นผู้จัดจำหน่ายกองทุนรวมด้วย

"เราคงมีการหารือกับสมาชิกเพื่อให้สมาชิกมีการแนะนำลูกค้าในการซื้อกองทุนที่ถูกวิธีมากขึ้น เพราะปัจจุบันกองทุนให้ผลตอบแทนที่ดี ซึ่งขณะนี้เรามีหลายแนวทางในการขายหน่วยกองทุน ไม่ว่าทั้งการขายผ่านบล. บริษัทประกัน แทนที่จะขายผ่านแบงก์เพียงอย่างเดียว ซึ่งแนวทางนี้ไม่น่าจะยาก ซึ่งวิธีการขายแบบลดแลกแจกแถม จากการทำวิจัย ก็เห็นว่าเป็นจุดอ่อนที่ทำให้บทบาทความสามารถของกองทุนลดลง" นายสถาปนะ กล่าว

ด้านนายพีร์ ยงวณิชย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า มอร์นิ่งสตาร์ได้มีการจัดอันดับกองทุนทั่วโลก โดยมีการจัดอันดับกองทุนรวมที่มีผลการดำเนินงานต่อเนื่องอย่างน้อย 36 เดือน ตามประเภทกองทุนรวมที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก อ้างอิงจากผลตอบแทนที่ปรับด้วยความเสี่ยงและค่าธรรมเนียมการซื้อขาย ปรากฎ คะแนนของไทยอยู่ที่ A- ถือว่าอยู่ในเกณฑ์สูง เนื่องจากการเปิดเผยข้อมูลที่ดี และการให้ข้อมูลค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ของกองทุนที่ครบถ้วน แต่ก็ยังพบว่าเป็นตลาดที่มีจำนวนกองทุนค่อนข้างจำกัด

นอกจากนี้ แม้ภาวะการแข่งขันในด้านการขายอยู่ในระดับสูง แต่ก็เป็นการแข่งขันโดยไม่ได้เน้นประเด็นผลการดำเนินงานและความเสี่ยงของกองทุนเป็นหลักดังเช่นในต่างประเทศ ขณะที่การเปิดเผยข้อมูลพอร์ตโฟลิโอการลงทุนที่ค่อนข้างล่าช้าและขาดข้อมูลในส่วนของผู้จัดการกองทุน เรื่องนี้ยังเป็นประเด็นที่ผู้ที่เกี่ยวข้องต้องช่วยกันพัฒนาต่อไป

นายประเวช องอาจสิทธิกุล ผู้ช่วยเลขาธิการอาวุโส สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ว่า ปัจจุบัน สินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหารของบลจ.(AUM) เพิ่มเป็น 2 ล้านล้านบาท คิดเป็นเติบโตเฉลี่ยปีละ 26% โดยมีจำนวนกองทุนรวมบริหารในปัจจุบัน ทั้งหมดเกือบ 1,400 กองทุน จาก บลจ. 21 แห่ง และเมื่อการประกันเงินฝากที่จะมีผลในเดือน ส.ค.นี้ การลงทุนกองทุนรวมจะยิ่งเพิ่มขึ้น เพราะเป็นทางเลือกในการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนดีดว่าเงินฝาก

ปัจจัยหนึ่งที่ผู้ลงทุนสามารถใช้พิจารณาประกอบการตัดสินใจลงทุนคือ ผลการดำเนินงานของกองทุนรวม แม้ผลการดำเนินงานในอดีตจะไม่ได้เป็นการรับประกันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต แต่ข้อมูลผลการดำเนินงานของกองทุนรวมก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่สะท้อนถึงประสิทธิภาพในการบริหารเงินลงทุนของผู้จัดการกองทุนรวม

ทั้งนี้ ก.ล.ต. ได้รับความร่วมมือจากบริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) จำกัด โดยให้ผู้ลงทุนสามารถดูข้อมูลรายชื่อกองทุนรวมที่มีผลการดำเนินงานดีที่สุด 10 อันดับแรกสำหรับกองทุนรวมแต่ละประเภท และกองทุนรวมที่ตนเองสนใจได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้นผ่านเว็บไซต์ของ ก.ล.ต.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ