ดัชนี FTSE ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ (30 ส.ค.) โดยดัชนีทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 2 สัปดาห์ เนื่องจากแรงซื้อที่ส่งเข้าหนุนหุ้นกลุ่มธนาคาร กลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ และกลุ่มประกัน
ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 5268.66 จุด พุ่งขึ้น 138.74 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเป็นไปอย่างคึกคัก โดยดัชนี FTSE 100 พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 2 สัปดาห์เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มการเงินอย่างหนาแน่น โดยหุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ (RBS) พุ่งขึ้น 8% หลังจากนักวิเคราะห์ของดอยช์ แบงก์ ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้น RBS ขึ้นสู่ระดับ "buy" จากระดับ "hold" ขณะที่หุ้นธนาคารบาร์เคลย์สพุ่งขึ้น 6.7%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่พุ่งขึ้นหลังจากราคาโลหะทองแดงในตลาดลอนดอนปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 5 วันทำการ อันเนื่องมาจากการคาดการณ์ที่ว่า คนงานที่เหมืองแร่กราสเบิร์กของบริษัทฟรีพอร์ท-แมคมอร์แกน คอปเปอร์ แอนด์ โกลด์ อิงค์ อาจจะก่อเหตุประท้วงนัดหยุดงาน หลังจากสหภาพแรงงานและฟรีพอร์ท-แมคมอร์แกน ไม่สามารถตกลงกันได้ในเรื่องค่าแรง
ทั้งนี้ หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองรายใหญ่สุดของโลก พุ่งขึ้น 4.3% หุ้นเอ็กสตราต้า ดีดขึ้น 4.7% และหุ้นริโอทินโตพุ่งขึ้น 4.3%
หุ้นกลุ่มบริษัทประกันทะยานขึ้น หลังจากไคเนติก อนาไลซิส คอร์ป บริษัทที่ปรึกษารายใหญ่ของสหรัฐคาดการณ์ว่า ได้ปรับลดมูลค่าการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันอันเนื่องมาจากผลกระทบของพายุเฮอริเคนไอรีน ลงมาอยู่ที่ระดับ 7 พันล้านดอลลาร์ จากเดิมที่ประเมินไว้ที่ 2 หมื่นล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ หุ้นพรูเดนเชียล ซึ่งเป็นบริษัทประกันรายใหญ่สุดของอังกฤษ พุ่งขึ้น 4.4% หุ้นเอวิวาดีดขึ้น 5.8% และหุ้นโอลด์ มิวชวล พุ่งขึ้น 4.7%
หุ้นแฮมเมอร์สัน ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของยุโรป พุ่งขึ้น 4.6% หลังจากเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ระบุว่า หุ้นแฮมเมอร์สันติดอันดับหุ้น "top picks" ในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ของยุโรป