ดัชนี FTSE ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (1 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนบางกลุ่มเข้าซื้อเก็งกำไร อย่างไรก็ตาม ดัชนีปรับตัวขึ้นในกรอบที่จำกัดเพราะตลาดได้รับแรงกดดันจากข้อมูลภาคการผลิตที่อ่อนแอของยุโรปและสหรัฐ
ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 5418.65 จุด บวก 24.12 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกติดต่อกัน 3 วันทำการเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงเข้าซื้อเก็งกำไร แต่ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวนเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) จะเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตเดือนส.ค.ขยายตัวที่ระดับ 50.6 จุด ซึ่งลดลงจากเดือนก.ค.ที่ขยายตัว 50.9 จุด
ขณะที่มาร์กิต อิโคโนมิครายงานว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตในยูโรโซนร่วงลงแตะ 49 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี จากเดือนก.ค.ที่ระดับ 50.4 จุด
หุ้นฮาร์กรีฟส์ แลนส์ดาวน์ ซึ่งเป็นบริษัทบริหารความมั่งคั่งของอังกฤษ พุ่งขึ้น 17.7% ทำสถิติพุ่งขึ้นมากที่สุดในบรรดาหุ้นบลูชิพที่คำนวณในดัชนี FTSE หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด
หุ้นกลุ่มธนาคารได้แรงหนุนจากหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทม์สรายงานว่า ทางการอังกฤษจะเลื่อนเวลาในการปฏิรูปภาคการธนาคารภายในประเทศ โดยหุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ (RBS) พุ่งขึ้น 8.2% หุ้นธนาคารบาร์เคลย์พุ่งขึ้น 5.6% หุ้นลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป พุ่งขึ้น 6.2%
หุ้นบริษัทเหมืองทองแดงร่วงลง โดยหุ้นเอ็กสตราตาร่วงลง 2.5% หุ้นเฟรสนิลโลร่วงลง 3.7% หลังจากราคาทองแดงในตลาดลอนดอนร่วงลงเป็นวันแรกในรอบ 7 วันทำการเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนกังวลกับข่าวที่ว่า รัฐบาลจีนวางแผนที่จะใช้มาตรการควบคุมเงินเฟ้อและควบคุมการขยายตัวของเศรษฐกิจ