ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (8 ก.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มค้าปลีก ซึ่งช่วยชดเชยปัจจัยลบที่เกิดจากการที่ธนาคารกลางอังกฤษไม่ได้ขยายมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมเมื่อวานนี้
ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 5340.38 จุด บวก 21.79 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มค้าปลีก โดยหุ้นโฮม รีเทล พุ่งขึ้น 2% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายที่ดีเกินคาด ขณะที่หุ้นมอร์ริสันดีดตัวขึ้น 4.2% หลังากบริษัทเปิดเผยรายได้ก่อนหักภาษีเพิ่มขึ้น 7.8% สู่ระดับ 442 ล้านปอนด์ ซึ่งมากกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ส่วนหุ้นมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ พุ่งขึ้น 2.6% หลังจากหนังสือพิมพ์ ดิ อินดิเพนเดนท์ คาดการณ์ว่าบริษัทกลุ่มไพรเวทอิควิตี้ ซึ่งรวมถึง เอแพคส์ พาร์ทเนอร์ส อาจเสนอซื้อกิจการมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์
การพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มค้าปลีกสามารถชดเชยปัจจัยลบจากการที่ธนาคารกลางอังกฤษตัดสินใจไม่ขยายมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) วงเงิน 2 แสนล้านปอนด์ในการประชุมเมื่อวานนี้ แม้เศรษฐกิจอังกฤษในไตรมาส 2 ขยายตัวเพียง 0.2% ก็ตาม
ในการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษเมื่อวานนี้ ธนาคารกลางมีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.5% ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางอังกฤษจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจยังคงอ่อนแอ
หุ้นแอดไมรัล ซึ่งเป็นบริษัทประกันภัยรถยนต์รายใหญ่ของอังกฤษ ร่วงลง 2.4% หลังจากสำนักงานคุ้มครองการค้าของอังกฤษประกาศว่าจะตรวจสอบนโยบายการเก็บเบี้ยประกันภัยรถยนต์ของบริษัทภายในประเทศ
หุ้นทุลโลว์ ออยล์ ดีดขึ้น 4.8% หลังจากหนังสือพิมพ์เดอะ การ์เดียนรายงานว่า บริษัท CNOOC ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานของจีนอาจะเสนอซื้อกิจการทุลโลว์ ออลย์ ขณะที่หุ้นลอจิกา พุ่งขึ้น 5.7% เพราะได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่าบริษัท แคป เจมินี อาจจะเข้าซื้อกิจการของลอจิกา