(เพิ่มเติม) APCS คาดกำหนดราคา IPO วันที่ 19 ก.ย.เข้าเทรดปลายก.ย.-ต้นต.ค.

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday September 15, 2011 12:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.เอเซีย พรีซิชั่น (APCS) คาดว่าจะสามารถกำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญให้แก่ประชาชนครั้งแรก(IPO)ได้ในวันที่ 19 ก.ย.นี้ จากนั้นจะสามารถเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ SET ได้ภายในช่วงปลายเดือน ก.ย.หรือต้นเดือน ต.ค.นี้

บริษัทมีแผนเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 87.25 ล้านหุ้น แบ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 75 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเดิม จำนวน 12.25 ล้านหุ้น มูลค่าตราไว้หุ้นละ 1 บาท คิดเป็น 29% ของจำนวนหุ้นหลัง IPO โดยหลังการขายหุ้นเพิ่มทุน โดยแบ่งเป็นการเสนอขายให้กับนักลงทุนทั่วไป 69.8 ล้านหุ้นและที่เหลือ 17 กว่าล้านหุ้นให้นักลงทุนสถาบัน ทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัทจะเพิ่มจาก 225 ล้านบาท เป็น 300 ล้านบาท

นายประชิตพล หิมะทองคำ ผู้บริหารฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.กสิกรไทย ผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น APCS เชื่อว่าหุ้น APCS จะได้รับความสนใจและเป็นทางเลือกที่ดีให้กับนักลงทุน เนื่องจากความโดดเด่นในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ในการเข้าดำเนินธุรกิจกับประเทศอินโดนีเซียจะส่งผลเห็นการเติบโตเพิ่มขึ้นในอนาคต และไม่กังวลกับภาวะตลาดในช่วงดังกล่าวเพราะหุ้น IPO ยังได้รับความนิยม

ด้านนายอภิชาติ การุณกรสกุล กรรมการผู้อำนวยการ APCS กล่าวว่า บริษัทมั่นใจกับการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เนื่องจากธุรกิจมีการเติบโตที่ดีทั้งในส่วนของชิ้นส่วนอุตสาหกรรมยานยนต์ คอมเพรสเซอร์ และกล้องภ่ายภาพดิจิตอล ซึ่งบริษัทตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 15% จากปีก่อน

โดยเฉพาะในครึ่งปีหลังการเติบโตคาดว่าจะมากกว่าครึ่งแรกที่โต 10% เนื่องจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์จากไตรมาส 2/54 ที่หดตัวจากผลกระทบสึนามิ และไตรมาส 4/54 จะฟื้นตัวเต็มที่ ซึ่งจะส่งผลให้กำลังซื้อเพิ่มตามกำลังการผลิตของรถยนต์ในปีนี้ที่คาด 1.8 ล้านคัน รวมถึงจะมีลูกค้าใหม่ ๆ เข้ามา

นอกจากนี้ บริษัทจะหันไปให้ความสำคัญในการผลิตชิ้นส่วนกล้องดิจิตอล ซึ่งมีอัตรากำไร(มาร์จิน)สูงถึง 30% เทียบชิ้นส่วนยานยนต์ที่ 20% และคอมพิวเตอร์ 10% และมองว่าการเติบโตจะเพิ่มขึ้นอย่างเป็นนัยในปี 56 จากการเข้าไปร่วมกับพันธมิตรในอินโดนีเซียที่บริษัทได้ลงทุนไปแล้ว 5 แสนเหรียญสหรัฐทั้งการขยายโรงงานและเครื่องจักรจะส่งผลรับรู้รายได้เต็มปีในปี 56 และการรวมกับพันธมิตรดังกล่าวจะทำให้มาร์เก็ตแชร์เพิ่มขึ้นเป็น 80% ในอาเซียน

"ในปีนี้การเติบโตคงอยู่ในประเทศเป็นหลัก ส่วนการร่วมมือกับพาร์ทเนอร์คงจะไปเห็นผลในปี 56 ซึ่งการที่นโยบายของภาครัฐลดภาษีรถคันแรกจะดีต่ออุตฯและกับบริษัทฯอย่างมีนัย" นายอภิชาติ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ