ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก:ดาวโจนส์ร่วง 179.79 จุดขณะตลาดจับตาลงมติขยาย EFSF

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday September 29, 2011 06:24 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (28 ก.ย.) ซึ่งเป็นการปรับตัวลงวันแรกในรอบ 4 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรป หลังจากมีข่าวว่าผู้นำของหลายประเทศในยุโรปมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันอย่างมากเกี่ยวกับการเพิ่มขนาดกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูการประชุมรัฐสภาเยอรมนีที่จะลงมติเรื่องการเพิ่มขนาดกองทุน EFSF ในช่วงเย็นวันนี้ตามเวลาไทย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 179.79 จุด หรือ 1.61% ปิดที่ 11,010.90 จุด S&P 500 ดิ่งลง 24.32 จุด หรือ 2.07% ปิดที่ 1,151.06 จุด และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 55.25 จุด หรือ 2.17% ปิดที่ 2,491.58 จุด

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ในช่วงเช้านั้น ดัชนีดาวโจนส์ดีดขึ้นกว่า 120 จุด ขานรับความคืบหน้าในการแก้ปัญหาหนี้ยูโรโซน หลังจากรัฐสภาฟินแลนด์มีมติเห็นชอบให้มีการเพิ่มขนาดกองทุน EFSF

แต่ภาวะการซื้อขายในตลาดผันผวนอย่างหนักในช่วงบ่าย โดยดัชนีดาวโจนส์และดัชนีหลักๆในตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงสู่แดนลบ หลังจากมีรายงานว่าผู้นำของหลายประเทศในยุโรปมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันอย่างมากเกี่ยวกับการเพิ่มขนาดกองทุน EFSF รวมทั้งข่าวที่ว่านางแองเกลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีที่ออกมาแสดงความคิดเห็นว่า ผู้นำยุโรปอาจจะต้องมีการเจรจากันใหม่ในเรื่องมาตรการให้ความช่วยเหลือกรีซรอบสอง

นักลงทุนจับตาดูการประชุมรัฐสภาเยอรมนีที่จะลงมติเรื่องการเพิ่มขนาดกองทุน EFSF ในช่วงเย็นวันนี้ด้วยความรู้สึกวิตกกังวล แม้นางแมร์เคลได้แสดงความเชื่อมั่นว่าพรรคคริสเตียน เดโมเครติคส์ (ซีดียู) และพรรคร่วมรัฐบาลของเธอจะสามารถรวบรวมเสียงข้างมากได้โดยไม่ต้องพึ่งพาพรรคฝ่ายค้านในการลงมติเรื่องการเพิ่มขนาดกองทุน EFSF ในการประชุมรัฐสภาครั้งนี้ก็ตาม

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันมากขึ้นเมื่อกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนหรือสินค้าที่มีอายุการใช้งานนานกว่า 3 ปี วงลง 0.1% ในเดือนส.ค. สู่ระดับ 2.018 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ากิจกรรมการลงทุนในภาคธุรกิจของสหรัฐยังคงอ่อนแอ

หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ร่วงลงอย่างหนักหลังจากราคาโลหะในตลาดโลกร่วงลง เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าวิกฤตหนี้ยุโรปอาจจะฉุดเศรษฐกิจโลกให้กลับเข้าสู่ภาวะถดถอยครั้งใหม่ โดยหุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอร์แกน คอปเปอร์ แอนด์ โกลด์ ดิ่งลง 7.2% หุ้นคลิฟส์ เนเชอรัล รีซอสเซส ร่วงลง 11%

อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น โดยหุ้น Amazon.com พุ่งขึ้น 2.5% หลังจาก Amazon.com เปิดตัวแท็บเล็ต "Kindle Fire" เพื่อชิงส่วนแบ่งตลาด iPad ของบริษัทแอปเปิล อิงค์

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งสุดท้ายของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 2 และสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติเปิดเผยยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย(pending home sales) เดือนส.ค.

ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคและรายได้ส่วนบุคคลเดือนส.ค. และรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนก.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ