
โบรกแนะนำ "ซื้อ" หุ้น บมจ.ศรีนานาพร มาณ์เก็ตติ้ง [SNNP] แนวโน้มไตรมาส 1/68 ได้แรงหนุนจากยอดขายในประเทศเติบโตดี การออกสินค้าใหม่ และการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ขณะที่แนวโน้มไตรมาส 2/68 ยังสดใสต่เนื่องในช่วงไฮซีซั่น และการดึงคู่จิ้นดาราดัง "หลิง-ออม" มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ส่งเสริมแบรนด์ "เจเล่ บิวตี้" หนุนยอดขายเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่วนตลาดต่างประเทศอย่างเวียดนามคาดค่อย ๆ ฟื้นตัวหลังปรับโครงสร้างการกระจายสินค้าแล้วเสร็จในปีนี้
ราคาหุ้น SNNP เมื่อ 15.49 น.อยู่ที่ 11.80 บาท ลดลง 0.20 บาท (-1.67%)
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
หยวนต้า ซื้อ 20.80
อินโนเวสท์เอกซ์ ซื้อ 17.60
ดาโอ ซื้อ 17.00
ยูโอบี เคย์เฮียนฯ ซื้อ 15.20
ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 15.00
ทิสโก้ ซื้อ 14.30
กรุงศรี Trading Buy 13.50
นายกฤต ธนรัตนานนท์ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ไตรมาส 1/68 กำไรของ SNNP คาดอยู่ที่ 168 ล้านบาท เพิ่มขึ้นราว 7% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มาจากรายได้ในประเทศเติบโตดีมาก และอัตรากำไรที่ดีขึ้นจากทั้งอัตรากำไรขั้นต้น และค่าใช้จ่าย SG&A Sales ลดลง
การเติบโตในประเทศมาจาก มาจากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ อาทิ MagicX , Jele Jelly (SKUs ใหม่) และน้ำมะพร้าว 99% ขณะที่ไตรมาส 2 เจเล่ บิวตี้ ได้ "หลิง-ออม" มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ช่วยดึงยอดขายเข้ามาเพิ่ม
ขณะที่ไตรมาส 1/68 ยอดขายในเวียดนามยังไม่ดี เนื่องจากมีปัญหาการกระจายสินค้า ซึ่งหากยอดขายจากเวียดนามกลับมา ก็จะส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นได้
"รายได้ในประเทศและอัตรากำไร SNNP เติบโตดี ไตรมาส 2/68 น่าจะดีมาก เหลือแต่ต่างประเทศที่ยังไม่มา ถ้ามาราคาวิ่งได้ต่อ"นายกฤต กล่าวภาพรวมทั้งปี 68 เติบโตดี กำไรคาดว่าจะแตะระดับ 700 ล้านบาท โดยการเติบโตหลักมาจากยอดขายในประเทศ ขณะที่ประเด็นสงครามการค้าไม่มีผลกระทบกับ SNNP เนื่องจากการส่งออกส่วนใหญ่อยู่ในอาเซียน จึงแนะนำ "ซื้อ" ด้วยราคาเป้าหมาย 15.20 บาท
ด้าน บล.ทิสโก้ คาด SNNP จะมีกำไรสุทธิ ไตรมาส 1/68 ที่ 169 ล้านบาท (+8%YoY, +1%QoQ) คาดรายได้เพิ่มขึ้น 4% YoY แต่ลดลง -7% QoQ และสัดส่วนยอดขายในประเทศ : ต่างประเทศ เป็น 81:19 จาก 1) ยอดขายในประเทศเติบโต 2 หลัก YoY จากการออกสินค้าใหม่แบรนด์ เบนโตะ และ โลตัส โตต่อเนื่อง แต่ลดลง QoQ เนื่องจากยอดขายในไตรมาส 4/67 เป็นช่วง high seasonal
2)รายได้ส่งออกลดลงทั้ง YoY และ QoQ โดยเฉพาะประเทศเวียดนาม (คาดสัดส่วน 53% ของการส่งออก) จากการปรับตัวแทนจำหน่ายและยังไม่กลับมาปกติ และเป็นช่วงวันหยุดเทศกาลเต๊ดในเวียดนาม สำหรับประเทศอื่นๆ เป็นไปตามแผนบริษัท
อัตรามาร์จิ้นคาดว่าจะเพิ่มขึ้น ตามรายได้กลุ่ม snack ที่มีอัตรามาร์จิ้นดีกว่ากลุ่มเครื่องดื่มมียอดขายเพิ่มขึ้น ต้นทุนแพ็คเกจจิ้งลดลง และการออกสินค้าใหม่ คาดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายลดลง เนื่องจากมีการใช้จ่ายบางส่วนทำการตลาดไปแล้วในไตรมาส 4/67
แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/68 คาดว่าจะดีขึ้นจากการออกสินค้าใหม่ กลุ่มเครื่องดื่มจะเพิ่มขึ้นจากช่วง high seasonal ฤดูร้อน และการส่งออกที่เวียดนามคาดจะค่อยๆ ดีขึ้นหลังจากการแก้ปัญหาการกระจายสินค้าของตัวแทนจำหน่ายคาดเสร็จสมบูรณ์ในสิ้นปีนี้ เราคงประมาณการเดิม จากยอดขายในประเทศเติบโตปีละ 6% แต่คาดยอดส่งออกเพิ่มขึ้นปีละ 8%YoY จากประเทศเวียดนามที่เริ่มกลับมาดีขึ้น
โดยกลุ่ม CLMV จากประเทศเวียดนามกลับมาปกติ และฟิลิปปินส์ที่มีตัวแทนจำหน่ายเพิ่มขึ้น 2 ราย ทำการตลาดเข้ากลุ่ม modern trade เพิ่มขึ้น สำหรับบริษัทร่วมทุน "สิริโปร" คาดจะเริ่มจุดคุ้มทุน อัตราทำกำไรขั้นต้นคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากการดำเนินไลน์ผลิตในเวียดนามที่มีต้นทุนต่ำกว่าช่วยเพิ่มอัตราทำกำไร และคาดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอยู่ที่ 16.2% และ 16% ใกล้เคียงกับปี 67 ที่คาด 16.2% จากการทำการตลาดสินค้าใหม่เพิ่มขึ้น
เรายังคงคำแนะนำ "ซื้อ" จากความเป็นผู้นำตลาดในกลุ่มเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยว ราคาเป้าหมายที่ 14.3 บาท อ้างอิง PER25F ของกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มเฉลี่ย 18X โดย PER25F อยู่ที่ 16.3X, Div.Yield 25F ที่ 4.5% ปัจจัยเสี่ยง 1) สภาวะเศรษฐกิจ 2) ยอดขายไม่เป็นตามคาด
ส่วน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) คาดกำไรสุทธิ SNNP ในไตรมาส 1/68 ที่ 162 ล้านบาท (ลดลง 3.5% QoQ เพิ่มขึ้น 3% YoY) แต่ชะลอตัวลง QoQ จากการผ่านพ้นช่วง High Season ในไตรมาส 4/67 แต่ยังเติบโต YoY โดยสาเหตุหลักมาจากการเติบโตของตลาดในประเทศเป็นหลัก ขณะที่ยอดขายต่างประเทศคาดลดลงทั้ง QoQ และ YoY เนื่องจากเวียดนามที่มีวันหยุดมาก รวมถึงฐานสูงในปีก่อนที่บริษัทยังไม่มีการปรับโครงสร้างการกระจายสินค้า
เบื้องต้นมองว่ากำไรจะกลับมาเติบโต QoQ และเห็นการเติบโต YoY ที่ชัดเจนมากขึ้นในไตรมาส 2/68 หนุนจากยอดขายในประเทศที่เติบโตจากการเร่งออกสินค้าใหม่และทำการตลาดมากขึ้น รวมถึงยอดขายต่างประเทศที่เริ่มเห็นการฟื้นตัวจากการนำสินค้ากลับเข้าไปในช่องทางต่าง ๆ ในเวียดนามมากขึ้น
คงประมาณการและราคาเหมาะสมที่ 20.80 บาท ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายบน PER25 ที่ 15.4 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ระดับสูงกว่า 20.0 เท่า ยังสามารถคาดหวังเงินปันผลได้ที่ระดับ 5% ต่อปี จึงคงคำแนะนำ "ซื้อ"