CONSENSUS: SNNP ยอดขาย Q1/68 กระฉูดต่อเนื่อง Q2/68 ส่ง "หลิง-ออม" พรีเซ็นเตอร์ "เจเล่ บิวตี้"หนุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 7, 2025 11:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

CONSENSUS: SNNP ยอดขาย Q1/68 กระฉูดต่อเนื่อง Q2/68 ส่ง

โบรกแนะนำ "ซื้อ" หุ้น บมจ.ศรีนานาพร มาณ์เก็ตติ้ง [SNNP] แนวโน้มไตรมาส 1/68 ได้แรงหนุนจากยอดขายในประเทศเติบโตดี การออกสินค้าใหม่ และการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ขณะที่แนวโน้มไตรมาส 2/68 ยังสดใสต่เนื่องในช่วงไฮซีซั่น และการดึงคู่จิ้นดาราดัง "หลิง-ออม" มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ส่งเสริมแบรนด์ "เจเล่ บิวตี้" หนุนยอดขายเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่วนตลาดต่างประเทศอย่างเวียดนามคาดค่อย ๆ ฟื้นตัวหลังปรับโครงสร้างการกระจายสินค้าแล้วเสร็จในปีนี้

ราคาหุ้น SNNP เมื่อ 15.49 น.อยู่ที่ 11.80 บาท ลดลง 0.20 บาท (-1.67%)


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)

หยวนต้า ซื้อ 20.80

อินโนเวสท์เอกซ์ ซื้อ 17.60

ดาโอ ซื้อ 17.00

ยูโอบี เคย์เฮียนฯ ซื้อ 15.20

ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 15.00

ทิสโก้ ซื้อ 14.30

กรุงศรี Trading Buy 13.50

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

นายกฤต ธนรัตนานนท์ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ไตรมาส 1/68 กำไรของ SNNP คาดอยู่ที่ 168 ล้านบาท เพิ่มขึ้นราว 7% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มาจากรายได้ในประเทศเติบโตดีมาก และอัตรากำไรที่ดีขึ้นจากทั้งอัตรากำไรขั้นต้น และค่าใช้จ่าย SG&A Sales ลดลง

การเติบโตในประเทศมาจาก มาจากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ อาทิ MagicX , Jele Jelly (SKUs ใหม่) และน้ำมะพร้าว 99% ขณะที่ไตรมาส 2 เจเล่ บิวตี้ ได้ "หลิง-ออม" มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ช่วยดึงยอดขายเข้ามาเพิ่ม

ขณะที่ไตรมาส 1/68 ยอดขายในเวียดนามยังไม่ดี เนื่องจากมีปัญหาการกระจายสินค้า ซึ่งหากยอดขายจากเวียดนามกลับมา ก็จะส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นได้

"รายได้ในประเทศและอัตรากำไร SNNP เติบโตดี ไตรมาส 2/68 น่าจะดีมาก เหลือแต่ต่างประเทศที่ยังไม่มา ถ้ามาราคาวิ่งได้ต่อ"นายกฤต กล่าว

ภาพรวมทั้งปี 68 เติบโตดี กำไรคาดว่าจะแตะระดับ 700 ล้านบาท โดยการเติบโตหลักมาจากยอดขายในประเทศ ขณะที่ประเด็นสงครามการค้าไม่มีผลกระทบกับ SNNP เนื่องจากการส่งออกส่วนใหญ่อยู่ในอาเซียน จึงแนะนำ "ซื้อ" ด้วยราคาเป้าหมาย 15.20 บาท


ด้าน บล.ทิสโก้ คาด SNNP จะมีกำไรสุทธิ ไตรมาส 1/68 ที่ 169 ล้านบาท (+8%YoY, +1%QoQ) คาดรายได้เพิ่มขึ้น 4% YoY แต่ลดลง -7% QoQ และสัดส่วนยอดขายในประเทศ : ต่างประเทศ เป็น 81:19 จาก 1) ยอดขายในประเทศเติบโต 2 หลัก YoY จากการออกสินค้าใหม่แบรนด์ เบนโตะ และ โลตัส โตต่อเนื่อง แต่ลดลง QoQ เนื่องจากยอดขายในไตรมาส 4/67 เป็นช่วง high seasonal

2)รายได้ส่งออกลดลงทั้ง YoY และ QoQ โดยเฉพาะประเทศเวียดนาม (คาดสัดส่วน 53% ของการส่งออก) จากการปรับตัวแทนจำหน่ายและยังไม่กลับมาปกติ และเป็นช่วงวันหยุดเทศกาลเต๊ดในเวียดนาม สำหรับประเทศอื่นๆ เป็นไปตามแผนบริษัท

อัตรามาร์จิ้นคาดว่าจะเพิ่มขึ้น ตามรายได้กลุ่ม snack ที่มีอัตรามาร์จิ้นดีกว่ากลุ่มเครื่องดื่มมียอดขายเพิ่มขึ้น ต้นทุนแพ็คเกจจิ้งลดลง และการออกสินค้าใหม่ คาดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายลดลง เนื่องจากมีการใช้จ่ายบางส่วนทำการตลาดไปแล้วในไตรมาส 4/67

แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/68 คาดว่าจะดีขึ้นจากการออกสินค้าใหม่ กลุ่มเครื่องดื่มจะเพิ่มขึ้นจากช่วง high seasonal ฤดูร้อน และการส่งออกที่เวียดนามคาดจะค่อยๆ ดีขึ้นหลังจากการแก้ปัญหาการกระจายสินค้าของตัวแทนจำหน่ายคาดเสร็จสมบูรณ์ในสิ้นปีนี้ เราคงประมาณการเดิม จากยอดขายในประเทศเติบโตปีละ 6% แต่คาดยอดส่งออกเพิ่มขึ้นปีละ 8%YoY จากประเทศเวียดนามที่เริ่มกลับมาดีขึ้น

โดยกลุ่ม CLMV จากประเทศเวียดนามกลับมาปกติ และฟิลิปปินส์ที่มีตัวแทนจำหน่ายเพิ่มขึ้น 2 ราย ทำการตลาดเข้ากลุ่ม modern trade เพิ่มขึ้น สำหรับบริษัทร่วมทุน "สิริโปร" คาดจะเริ่มจุดคุ้มทุน อัตราทำกำไรขั้นต้นคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากการดำเนินไลน์ผลิตในเวียดนามที่มีต้นทุนต่ำกว่าช่วยเพิ่มอัตราทำกำไร และคาดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอยู่ที่ 16.2% และ 16% ใกล้เคียงกับปี 67 ที่คาด 16.2% จากการทำการตลาดสินค้าใหม่เพิ่มขึ้น

เรายังคงคำแนะนำ "ซื้อ" จากความเป็นผู้นำตลาดในกลุ่มเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยว ราคาเป้าหมายที่ 14.3 บาท อ้างอิง PER25F ของกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มเฉลี่ย 18X โดย PER25F อยู่ที่ 16.3X, Div.Yield 25F ที่ 4.5% ปัจจัยเสี่ยง 1) สภาวะเศรษฐกิจ 2) ยอดขายไม่เป็นตามคาด


ส่วน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) คาดกำไรสุทธิ SNNP ในไตรมาส 1/68 ที่ 162 ล้านบาท (ลดลง 3.5% QoQ เพิ่มขึ้น 3% YoY) แต่ชะลอตัวลง QoQ จากการผ่านพ้นช่วง High Season ในไตรมาส 4/67 แต่ยังเติบโต YoY โดยสาเหตุหลักมาจากการเติบโตของตลาดในประเทศเป็นหลัก ขณะที่ยอดขายต่างประเทศคาดลดลงทั้ง QoQ และ YoY เนื่องจากเวียดนามที่มีวันหยุดมาก รวมถึงฐานสูงในปีก่อนที่บริษัทยังไม่มีการปรับโครงสร้างการกระจายสินค้า

เบื้องต้นมองว่ากำไรจะกลับมาเติบโต QoQ และเห็นการเติบโต YoY ที่ชัดเจนมากขึ้นในไตรมาส 2/68 หนุนจากยอดขายในประเทศที่เติบโตจากการเร่งออกสินค้าใหม่และทำการตลาดมากขึ้น รวมถึงยอดขายต่างประเทศที่เริ่มเห็นการฟื้นตัวจากการนำสินค้ากลับเข้าไปในช่องทางต่าง ๆ ในเวียดนามมากขึ้น

คงประมาณการและราคาเหมาะสมที่ 20.80 บาท ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายบน PER25 ที่ 15.4 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ระดับสูงกว่า 20.0 เท่า ยังสามารถคาดหวังเงินปันผลได้ที่ระดับ 5% ต่อปี จึงคงคำแนะนำ "ซื้อ"



แท็ก เวียดนาม  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ