นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ์ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดดัชนีแกว่ง
ทั้งนี้มองว่าดัชนีจะค่อย ๆ ฟื้นตัว แม้ว่าไทยยังไม่มีการเจรจากภาษีกับสหรัฐ แต่พัฒนาการการเจรจาของประเทศคู่
สำหรับปัจจัยในประเทศ ติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว เนื่องจาก
โดยให้กรอบแนวรับ 1,200 จุด และแนวต้าน 1,250 จุด
*ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (12 พ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,410.10 จุด เพิ่มขึ้น 1,160.72 จุด หรือ +2.81%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,844.19 จุด เพิ่มขึ้น 184.28 จุด หรือ +3.26% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,708.34 จุด เพิ่มขึ้น 779.43 จุด หรือ +4.35%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ระดับ 38,149.53 จุด เพิ่มขึ้น 505.27 จุด หรือ +1.34%, ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,386.23 จุด เพิ่มขึ้น 16.99 จุด หรือ +0.50% และดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 23,494.44 จุด ลดลง 55.02 จุด หรือ -0.23%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (9 พ.ค.) 1,210.94 จุด เพิ่มขึ้น 4.35 จุด (+0.36%) มูลค่าซื้อขาย 40,958.44 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ (9 พ.ค.) 1,468.27 ล้านบาท
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. (12 พ.ค.) เพิ่มขึ้น 93 เซนต์ หรือ 1.52% ปิดที่ 61.95 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (12 พ.ค.) อยู่ที่ 6.34 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.46 อ่อนค่าจากดอลลาร์แข็งค่าหลังสหรัฐ-จีนเจรจาการค้าคืบหน้า
- สหรัฐฯ-จีน หารือเฟสแรกตกลงลดภาษี มีผลทันที 14 พ.ค.นี้ ในกรอบเวลา 90 วัน สหรัฐฯ เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเหลือ 30% และจีนเก็บภาษีจากสหรัฐฯ เหลือ 10% ย้ำทั้งสองฝ่ายจะหารือกันเพิ่มเติมต่อเนื่องเพื่อประโยชน์ทั้งสองประเทศ ด้านตลาดหุ้นเอเชียทะยานร้อนแรง ตอบรับข่าวเชิงบวก
- ผ่าวิกฤติ "ท่องเที่ยวไทย" เครื่องยนต์เศรษฐกิจตัวสุดท้ายติดกับ ปัญหาใหญ่ พายุโซเชียลมีเดียฉุด "ทัวริสต์จีน" "ททท." จ่อปรับเป้ารายได้รวมท่องเที่ยวเหลือ 3 ล้านล้านบาท ชี้ต้องระดับ G2G ร่วมกันแก้ "สรวงศ์" เตรียมเชิญ รมต.จีนเยือนไทยฉลองความสัมพันธ์ 50 ปี "แอตต้า" หวังดึงเหมาลำเมืองรองจีนเจาะกลุ่มเดินทางครั้งแรก จี้เพิ่มแรงจูงใจ เฟ้นโมเดลพิเศษโปรโมตไทย
- "กบร." คุมเข้มออกกฎข้อบังคับฉบับใหม่ เพิ่มความคุ้มครองสิทธิของผู้โดยสารเที่ยวบินระหว่างประเทศ หากเที่ยวบินล่าช้าหรือยกเลิก มีผลบังคับใช้ 20 พ.ค.นี้
- ประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยว่า หอการค้าไทยพร้อมด้วยนางนลินี ทวีสิน ประธานผู้แทนการค้าไทย คณะผู้บริหารภาครัฐ และภาคเอกชน เข้าร่วมงาน Select USA Investment Summit 2025 วันที่ 11-14 พ.ค.68 ณ กรุงวอชิงตัน ดีซี และรัฐแมรีแลนด์ สหรัฐฯ เพื่อเปิดโอกาสการค้าและการลงทุนในสหรัฐฯ ทั้งสำหรับนักลงทุนรายใหม่และรายเก่าที่ลงทุนในสหรัฐฯ แล้ว พร้อมกันนั้นได้หารือกับนายสุริยา จินดาวงษ์ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตันและทีมประเทศไทย โดยทูตไทยชี้แจงว่า แม้การเจรจากับสหรัฐฯ ยังไม่มีท่าทีชัดเจนในประเด็นสำคัญ แต่ไทยต้องเตรียมพร้อมรับมือ และส่งสัญญาณเชิงบวกในประเด็นสำคัญ ทั้งพลังงาน ธุรกิจบริการ เกษตร เพื่อผลักดันให้เกิดการค้าสมดุล ขณะเดียวกันตนได้ย้ำถึงความสำคัญของการเตรียมความพร้อมทั้งในเชิงนโยบายและยุทธศาสตร์ เพื่อหาทางออกและสร้างสมดุลทางการค้าให้ประเทศไทยก้าวเดินอย่างมั่นคงในเวทีโลก
- กลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB Financial Markets: SCB FM) เปิดเผยว่า เงินบาทกลับมาแข็งค่าสอดคล้องกับสกุลเงินภูมิภาค จากการอ่อนค่าของดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐ และเงินทุนไหลเข้าในภูมิภาค อย่างไรก็ดี เงินบาทยังแข็งค่าน้อยกว่าสกุลเงินอื่น ทำให้ดัชนีค่าเงินบาทอ่อนค่าลง ในระยะต่อไป เงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าต่อได้ ตามวัฏจักรเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าและการไหลออกของเงินทุนจากสหรัฐฯ เข้ายุโรปและเอเชีย ทั้งนี้ เงินบาทอาจแข็งค่าได้ไม่มาก เพราะที่ผ่านมาสัดส่วนการลงทุนต่างประเทศของนักลงทุนไทยยังต่ำ ทำให้ Repatriation fows ของไทยน่าจะมีน้อย ประกอบกับความน่าลงทุนในสินทรัพย์ไทยน้อยเช่นกัน จึงอาจมีเม็ดเงินจากต่างชาติน้อย นอกจากนี้ ต้องจับตาความไม่แน่นอนจากการปรับขึ้น Tariffs ของสหรัฐฯ ที่อาจทำให้บาทอ่อนค่าได้บางช่วง
*หุ้นเด่นวันนี้
- SCC (คิงส์ฟอร์ด) "ซื้อเก็งกำไร" ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 159.00 บาท บริษัทรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/68 ที่ 1.1 พันล้านบาท ฟื้นตัว QoQ และดีกว่าคาด หนุนจากการทยอยฟื้นตัวของธุรกิจ Packaging และ CBM โดยธุรกิจ CBM มีแรงขับเคลื่อนจากราคาปูนซีเมนต์ในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น แนวโน้ม ไตรมาส 2/68 คาดผลประกอบการฟื้นตัวขึ้นต่อจากปรับขึ้นราคาขายด้วยการลดส่วนลดทางการตลาดและได้ประโยชน์จากต้นทุนพลังงานที่ลดลง ขณะที่อัตรากำไรของธุรกิจปิโตรเคมีดีขึ้นจากต้นทุน naphtha ที่ลดลงตามราคาน้ำมัน รวมถึง SCGP ที่ทยอยฟื้นตัว มีการบันทึกรายได้เงินปันผลตามฤดูกาล และกำไรพิเศษจากการเข้าซื้อกิจการในสิงคโปร์ ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 68 ที่ 7.9 พันล้านบาท +25%YoY ส่วนระยะสั้นมีปัจจัยหนุนด้วย sentiment ของการเจรจาการค้าระหว่างจีน-สหรัฐ
- AURA (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 20.10บ ท เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ AURA จากการคาดการณ์กำไรในไตรมาส 1/68 ที่จะออกมาเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งโดยคาดกำไรใน 1Q25ที่ 325 ลบ.เติบโตขึ้น 18.7%YoYและ 5.2%QoQจากกำไรของธุรกิจซื้อขายทองที่มี volume สูงขึ้นในช่วงทองขาขึ้นโดยกำไรที่ดีขึ้นมาจากฝั่งรับซื้อทอง รวมไปถึงเราคาดธุรกิจทองมาเงินไปจะเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งเช่นกัน โดยเรามองการเติบโตของสินเชื่อทองมาเงินไปจะขึ้นไปที่ 5.1 พันล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 4.5%QoQ โดย AURA มีสาขาเพิ่มเป็น 508 สาขา ณสิ้น ไตรมาส 1/68 เราคาดการณ์ปีนี้จะเป็นปีทองต่อเนื่องของ AURA โดยมีเป้าหมายการเติบโตที่ระดับ 20-30% จากการขยายสาขา 156 สาขาในปี 2025 และตั้งเป้าการเติบโตของสินเชื่อมาอยู่ที่ 7.5 พันล้านบาทเราคาดการณ์ AURA จะเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งต่อเนื่องไปยัง ปี 2027
- TOP (ฟินันเซีย ไซรัส) "เก็งกำไร" ราคาเป้าหมายเฉลี่ยจาก IAA Consensus 28.66 บาท ประกาศกำไรสุทธิ ไตรมาส 1/68 ที่ 3.5 พันลบ. +27% q-q, +40% y-y ดีกว่าที่ตลาดคาดหนุนจาก Stock Gain ส่วนกำไรปกติอยู่ที่ 2.2 พันลบ. -26% q-q, -69% y-y จากค่าการกลั่นที่ชะลอ เราคาด TOP จะได้ Sentiment บวกจากการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนออกมาเป็นบวกกว่าคาด โดยมีการลดภาษีนำเข้าระหว่างกันชั่วคราว 90 วัน นอกจากนี้ค่าการกลั่นล่าสุดยืนในระดับที่สูงที่ระดับ US$5-6 ต่อบาร์เรล คาดเป็นปัจจัยหนุนระยะสั้น