MINT โชว์กำไรดำเนินงาน Q1 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เข้าซื้อ MHEA ฟื้นตัวแข็งแกร่ง-โมเดลธุรกิจหลากหลาย

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday May 13, 2025 15:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

MINT โชว์กำไรดำเนินงาน Q1 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เข้าซื้อ MHEA ฟื้นตัวแข็งแกร่ง-โมเดลธุรกิจหลากหลาย

บมจ. ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล [MINT] ประกาศก้าวสำคัญในการดำเนินงานไตรมาส 1/68 ด้วยกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน 50 ล้านบาท พลิกฟื้นจากการขาดทุน 352 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน นับเป็นครั้งแรกที่บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาส 1 นับตั้งแต่เข้าซื้อกิจการ ไมเนอร์ โฮเทลส์ ยุโรป แอนด์ อเมริกา (MHEA) หรือเดิมคือ เอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป เมื่อปี 2561

MINT ชี้แจงผลประกอบการไตราส 1/68 ว่า รายได้จากการดำเนินงานลดลง 2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 36,738 ล้านบาท เนื่องจากเงินบาทแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินยูโร แต่เมื่อปรับผลกระทบจากค่าเงิน รายได้จากการดำเนินงานจะเติบโต 3% สะท้อนการฟื้นตัวต่อเนื่องของการท่องเที่ยวโลก ขณะที่ผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนทำให้กำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อมทรงตัวอยู่ที่ 8,382 ล้านบาท แต่หากไม่รวม จะเพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับแรงหนุนจากธุรกิจโรงแรมในประเทศไทย ยุโรป และมัลดีฟส์เข็งแกร่ง รวมถึงผลการดำเนินงานที่โดดเด่นของกลุ่มร้านอาหารในไทย

บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงานเป็นบวกที่ 50 ล้านบาทในไตรมาส 1/68 นับเป็นครั้งแรกที่บริษัทสามารถสร้างผลกำไรได้ในช่วงไตรมาสแรก แม้อยู่ในช่วงนอกฤดูกาลของธุรกิจหลักในยุโรปก็ตาม สะท้อนการพลิกฟื้นอย่างมนับสำคัญจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีมีผลขาดทุนจากการดำเนินงาน 352 ล้านบาทในไตรมาส 1/67

นายดิลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม MINT กล่าวว่า แม้ต้องเผชิญกับความผันผวนทางเศรษฐกิจมหภาค อัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่เอื้ออำนวย และความท้าทายต่างๆ ในแต่ละภูมิภาค ผลการดำเนินงานของ MINT ยังคงสะท้อนถึงการฟื้นตัวในวงกว้างของทั้งสองธุรกิจ ได้แก่ โรงแรมและร้านอาหาร ควบคู่กับการบริหารจัดการทางการเงินที่เข้มงวดและการกระจายความเสี่ยงในระดับโลก

"เป็นครั้งแรกของเราที่สามารสร้างกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาส 1 นับตั้งแต่การเข้าซื้อกิจการ MHEA สะท้อนถึงความแข็งแกร่งเชิงโครงสร้างของแพลตฟอร์มธุรกิจที่หลากหลายของเรา และการดำเนินกลยุทธ์ระยะยาวอย่างต่อเนื่อง การได้รับการปรับเพิ่มอันดับเครดิตโดยทริสเรตติ้งเป็นการยืนยันถึงความยืดหยุ่นทางการเงินของเรา และการมุ่งเน้นในการบริหารงบดุลอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยคุณค่าของแบรนด์ที่แข็งแกร่ง เครือข่ายที่ครอบคลุมหลากหลายภูมิภาค และการบริหารต้นทุนอย่างมีวินัย"

นายดิลิป กล่าวว่า จุดเด่นด้านกลยุทธ์และการเงินไตรมาส 1/68 คือ

- กำไรสุทธิจากการดำเนินงานอยู่ที่ 50 ล้านบาท เทียบกับผลขาดทุนจากการดำเนินงาน 352 ล้านบาทในไตรมาส 1/67

- ยอดขายโดยรวมทุกสาขาของ MINT อยู่ที่ 59 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 56% เมื่อเทียบกับรายได้ สะท้อนถึงประสิทธิภาพของโมเดลธุรกิจแบบที่ลดการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร (Asset-Light) ของเราและความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับพันธมิตรด้านการลงทุนและการพัฒนาที่มีชื่อเสียง

- มุ่งเน้นการลดภาระหนี้และเพิ่มประสิทธิภาพต้นทุนอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้อัตรากำไรและคุณภาพของรายได้ดีขึ้น

สำหรับธุรกิจโรงแรม ผลกระทบจากฤดูกาลอ่อนแรงลดลง แรงขับเคลื่อนพื้นฐานยังแข็งแกร่ง ไมเนอร์ โฮเทลส์ แสดงผลประกอบการที่ยืดหยุ่นแม้จะเผชิญกับฤดูกาลท่องเที่ยวที่ชะลอตัวในยุโรปช่วงไตรมาส 1 และผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่เอื้ออำนวย โดยรายได้จากการดำเนินงานและ EBITDA (ไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน) เติบโต 4% และ 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

โรงแรมในยุโรปมีการเติบโตของรายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืน 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะในสเปน อิตาลี และกลุ่มประเทศเบเนลักซ์ ขณะที่รายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนของโรงแรมในประเทศไทยเพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ การเดินทางทางอากาศที่เพิ่มขึ้น และการได้รับความสนใจในระดับโลกจากซีรีส์ "The White Lotus Season 3" ของ HBO ซึ่งเลือกถ่ายทำที่รีสอร์ต ของ MINT ถึง 4 แห่ง

ประกอบกับ กลยุทธ์การตั้งราคาที่เหมาะสม การเติบโตของยอดจองโดยตรง และความแข็งแกร่งของแบรนด์ช่วยลดผลขาดทุนในไตรมาส 1 และสร้างผลงานการดำเนินงานก่อนเข้าสู่ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวที่กำลังจะมาถึง

ด้านธุรกิจร้านอาหาร: คุณค่าของแบรนด์และการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพส่งมอบการเติบโตที่แข็งแกร่งไมเนอร์ ฟู้ด ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในทุกตลาดหลัก โดยรายได้จากการดำเนินงานและ EBITDA (ไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน) เพิ่มขึ้น 2% และ 2% เมื่อเทียบกับปีก่อน ตามลำดับ การเติบโตขับเคลื่อนโดยผลการดำเนินงานที่โดดเด่นของแบรนด์หลัก อาทิ เดอะ พิซซ่า คอมปะนี, บอนชอน, ซิซซ์เล่อร์ และเบอร์เกอร์ คิง รวมทั้งแคมเปญเชิงกลยุทธ์ เมนูพิเศษที่มีระยะเวลาขายจำกัด และการมุ่งเป้าขยายบริการจัดส่งช่วยสนับสนุนการเติบโตของรายได้และส่วนแบ่งตลาดที่เพิ่มขึ้น

นายดิลิป กล่าวอีกว่า การขยายธุรกิจทั่วโลก พร้อมการเติบโตอย่างสมดุล ด้วยการดำเนินงานใน 66 ประเทศ โรงแรมกว่า 560 แห่ง และร้านอาหารกว่า 2,700 แห่งของ MINT ช่วยให้บริษัทสามารถลดความเสี่ยงในแต่ละภูมิภาคและใช้ประโยชน์จากโอกาสข้ามตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ พอร์ตโฟลิโอที่สมดุลยังคงผลักดันศักยภาพในการฟื้นตัวอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งเสริมสร้างความชัดเจนในการสร้างรายได้ในระยะยาว



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ