
นายวิชาญ วิริยะภูษิต ประธานผู้บริหารสายงานการเงิน บมจ.แสนสิริ [SIRI] เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 1/68 ของแสนสิริ สะท้อนสภาวะตลาดในช่วงเปลี่ยนผ่าน โดยมียอดขายอยู่ที่ 15,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% YoY เติบโตสูงสุดเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 66 และ 67 ด้านรายได้รวมอยู่ที่ 6,891 ล้านบาท และกำไรสุทธิอยู่ที่ 814 ล้านบาท ลดลงจาก 1,314.98 ล้านบาทในไตรมาส 1/67
บริษัทยังคงรักษาฐานะการเงินที่มั่นคงและมีเสถียรภาพพร้อมรับมือกับความผันผวนของตลาดได้ดี สะท้อนจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อการเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ หรือ Perpetual Bond ที่ได้รับการตอบรับที่ดี นักลงทุนให้ความสนใจสอบถามเข้ามาเป็นจำนวนมาก และคาดว่าจะเปิดให้จองซื้อในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมิถุนายนนี้"
แม้ไตรมาสแรกของปีจะมีความท้าทาย แต่แสนสิริเชื่อมั่นว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์จะเริ่มฟื้นตัวจากปัจจัยสนับสนุนหลายประการ อาทิ การออกมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองลงเหลือ 0.01% ในกลุ่มที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท ต่อเนื่องถึงปี 2569 และการผ่อนคลายมาตรการ LTV ชั่วคราว รวมถึงการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มาอยู่ที่ 1.75% ต่อปี โดยเป็นการลดลงต่อเนื่องจากการประชุมครั้งก่อน จะเป็นปัจจัยเสริมที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
ส่วนตลาดอสังหาฯ ในเมืองท่องเที่ยวหลัก อาทิ ภูเก็ต ยังคงมีกำลังซื้อเข้ามาจากการขยายตัวของธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ คาดว่าจะเป็นอีกแรงขับเคลื่อนหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นกำลังซื้อและดึงการลงทุนเข้าสู่ประเทศได้ สำหรับปัจจัยบวกด้านดีมานด์ ที่น่าจับตามองคือความต้องการในกลุ่มบ้านแนวราบที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและครอบคลุมทุกเซกเมนต์ โดยเฉพาะในกลุ่มที่อยู่อาศัยระดับบนที่แสนสิริมีความเชี่ยวชาญและครองส่วนแบ่งตลาดในระดับแนวหน้าของประเทศ
"แสนสิริยังคงเดินหน้าตามแผนกลยุทธ์ควบคู่ไปกับการประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อรักษาเสถียรภาพและการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว ด้วยกลยุทธ์การบริหารที่รัดกุมและการรักษาสภาพคล่องทางการเงินที่แข็งแกร่ง เติบโตอย่างมีศักยภาพได้ในระยะยาว จากการทยอยรับรู้รายได้จากโครงการพร้อมโอนและการเปิดตัวโครงการใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการตลาด ร่วมด้วย Backlog รอรับรู้รายได้กว่า 22,000 ล้านบาท" นายวิชาญ กล่าวสรุป