นายกรภัทร วรเชษฐ์ หัวหน้าสายงานวิจัย บล.กรุงศรี กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดดัชนีแกว่งตัวในกรอบแคบ ตอบรับข่าวประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ อาจเข้าพบ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน เร็ว ๆ นี้ เพื่อหาข้อสรุปสงครามการค้าสหรัฐ-จีน หลัง 2 ประเทศได้ข้อตกลงลดกำแพงภาษีชั่วคราวไปแล้ว
ขณะที่ในประเทศ ตอนนี้ยังไร้ปัจจัยใหม่ให้ติดตาม ท่ามกลางบรรยากาศเศรษฐกิจที่เริ่มเติบโตช้าลง พร้อมให้แนวต้าน 1,230 จุด แนวรับ 1,207 จุด
ด้านบล.ฟินันเซีย ไซรัส คาด SET Index จะแกว่งไซด์เวย์ ในกรอบ 1,210-1,225 จุดหลังจากตอบรับเชิงบวกต่อสงครามการค้าที่ผ่อนคลายลงไปมากพอสมควรแล้ว ขณะที่ระยะสั้นยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามากระตุ้น โดยรอติดตามตัวเลขเงินเฟ้อ PPI และยอดค้าปลีกเดือน เม.ย.ของสหรัฐคืนนี้ โดยหากตัวเลขยังออกมาในเชิงบวกอย่างเช่น CPI ในช่วงต้นสัปดาห์ จะเป็นปัจจัยหนุนสินทรัพย์เสี่ยงให้ฟื้นตัวต่อไประยะสั้น จากแรงกดดันต่อธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ในการดำเนินนโยบายการเงินที่ลดลง
ขณะที่ความคาดหวังเชิงบวกต่อดีลการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศต่าง ๆ ยังเป็นปัจจัยหนุนและทำให้ตลาดประเมินความเสี่ยง Recession ของเศรษฐกิจสหรัฐต่ำลงจากเดือนก่อน สำหรับไทยมีการเปิดเผย 5 ข้อเสนอทางการค้าจูงใจสหรัฐฯซึ่งต้องดูว่าจะได้คิวเจรจาการค้าเมื่อไร
ด้านผลประกอบการไตรมาส 1/68 ของบจ. ล่าสุดเท่าที่ประกาศออกมาแล้ว โดยรวมดีกว่าตลาดคาดราว 6% ซึ่งนำโดยหุ้นขนาดใหญ่เป็นหลัก ทำให้ภาพรวม Bloomberg EPS ของ SET ปัจจุบันยังทรงตัวที่ราว 90 บาท หลังจากถูกปรับลงจากเดือนก่อนที่ราว 93 บาท ยังมองการชะลอตัวของเศรษฐกิจและการใช้จ่ายจะยังเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อแนวโน้มกำไรบจ.ในไตรมาส 2/68 ถึงครึ่งหลังปี 68รวมถึงจำกัด Upside ของ SET Index มากขึ้น จึงยังเน้นเลือกหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรแข็งแกร่งและมั่นคง โดยเฉพาะสินค้าบริการจำเป็นที่ราคายัง Laggard กว่าตลาด ซึ่งมีโอกาสกลับมา Outperform หลัง SET ฟื้นตัวจาก Low มาแล้วราว 16%