นักวิเคราะห์ฯ ระบุแนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้พักตัวก่อนเข้าช่วงวันหยุดยาว ขณะที่มีปัจจัยกดดันจากการทบทวนดัชนี MSCI ที่คาดหุ้นไทยบางส่วนถูกถอดออก อาจทำเม็ดเงิน 1.2 หมื่นล้านบาทไหลออก และศาลอุทธรณ์สหรัฐระงับคำตัดสินของศาลการค้าฯชั่วคราวทำให้มาตรการภาษี "ทรัมป์" มีผลบังคับใช้ต่อไป ทำให้หุ้นที่ได้รับผลดีจากข่าวเมื่อวานพลิกมาปรับตัวลง แนะติดตามการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 69 พร้อมให้กรอบแนวรับ 1,150 จุด และแนวต้าน 1,170 จุด
นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะเข้าสู่ช่วงพักตัวก่อนเข้าช่วงวันหยุดยาวของไทย แต่ก็มีปัจจัยกดดันหลักมาจาก การทบทวนดัชนี MSCI ในช่วงใกล้ปิดตลาดวันนี้คาดหุ้นไทยบางส่วนถูกถอดออก อาจทำให้เม็ดเงินไหลออกไปราว 1.2 หมื่นล้านบาท
นอกจากนั้น ยังเผชิญปัจจัยลบจากฝั่งสหรัฐเมื่อศาลอุทธรณ์ระงับคำตัดสินของศาลการค้าฯ ทำให้มาตรการภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีผลบังคับใช้ต่อไปได้ ดังนั้น หุ้นที่ได้รับผลดีจากข่าวเมื่อวานก็คาดว่าจะพลิกมาปรับตัวลง
ขณะที่ยังต้องติดตามการพิจารณาพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ที่จะลงมติรับหลักการวาระแรกในวันพรุ่งนี้
พร้อมทั้งให้กรอบแนวรับ 1,150 จุด และแนวต้าน 1,170 จุด
*ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (29 พ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,215.73 จุด เพิ่มขึ้น 117.03 จุด หรือ +0.28%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,912.17 จุด เพิ่มขึ้น 23.62 จุด หรือ +0.40% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,175.87 จุด เพิ่มขึ้น 74.93 จุด หรือ +0.39%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ระดับ 37,912.49 จุด ลดลง 520.49 จุด หรือ -1.35%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 23,339.64 จุด ลดลง 233.74 จุด หรือ -0.99% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,358.81 จุด ลดลง 4.64 จุด หรือ -0.14%
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ (29 พ.ค.) 1,529.98 ล้านบาท
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ค. (29 พ.ค.) ลดลง 90 เซนต์ หรือ 1.46% ปิดที่ 60.94 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (29 พ.ค.) อยู่ที่ 6.60 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.48 แข็งค่าตามภูมิภาค หลังศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ ให้ทรัมป์กลับมาใช้มาตรการภาษี
- "คลัง" เผยเศรษฐกิจไทยในเดือน เม.ย.68 ได้แรงหนุนจากการส่งออกขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวต่อเนื่อง แนะจับตานโยบายเศรษฐกิจของประเทศ คู่ค้าสำคัญ โดยเฉพาะสหรัฐ-จีน
- รมช.คมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้ามาตรการส่งเสริมเส้นทางบินและการพัฒนาเส้นทางบินสู่เมืองรองเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว พร้อมยกระดับเมืองน่าเที่ยว ตามนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองของรัฐบาล ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย "คมนาคมเพื่อโอกาสประเทศไทย" ว่า กรมท่าอากาศยาน (ทย.) ออกมาตรการส่งเสริมการเปิดเส้นทางบิน New Route-New Airline เพื่อเป็นกลไกแข่งขันด้านราคา และลดการผูกขาด
- กสทช.เปิดให้ผู้สนใจยื่นคำขอรับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากล ย่าน 850 MHz, 1500 MHz, 2100 MHz และ 2300 MHz โดยมีเอกชน 2 รายยื่นคำขอรับใบอนุญาต ได้แก่ บริษัท ทรูมูฟเอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด ในเครือทรู และบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด ในเครือเอไอเอส
- ผบ.ทบ. 2 ชาติ "ไทย-เขมร" เปิดเจรจาปมปัญหาชายแดนใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง สามารถสยบศึกช่องบกได้ข้อยุติให้แต่ละฝ่ายถอนกำลังถอยหลังไปอยู่ในจุดที่เหมาะสมฝ่ายละ 200 เมตร รอคณะกรรมการเขตแดนร่วมเคลียร์ปัญหาการถือแผนที่ที่ไม่ตรงกัน ยืนยันสถานการณ์ไม่ตึงเครียดแล้ว ไม่มียิงปะทะใช้อาวุธอีก ก่อนมีการเจรจา นายกฯ เผยผู้นำคุยกันรู้เรื่อง มั่นใจคลี่คลายได้ ด้านผู้ช่วย รมต.บัวแก้ว คาด "มาริษ" ถก รมว.กต.กัมพูชาที่ญี่ปุ่น ปม 2 ฝ่ายปะทะที่ช่องบก เผยปลาย มิ.ย. ประชุมคณะกรรมการชายแดนหยิบยกปัญหานี้คุย เชื่อมีผลที่ดี
- CK (กสิกรไทย) ราคาเป้าหมาย 21.50 บาท มีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นจากผลการประชุมที่ผ่านมา โดยบริษัทปรับเป้ารายได้ปี 68 จาก 4 หมื่นล้านขึ้นเป็น 4-5 หมื่นลบ.โดยหลักมาจากงาน M&E รถไฟฟ้าสายสีส้ม และแนวโน้ม GPM ที่คงไว้ราว 7-8% คาดกำไรดำเนินงานจะโตได้ 2 หลัก จากรายได้แข็งแกร่ง GPM สูง และควบคุม cost ได้ดี ประกอบกับดอกเบี้ยจ่ายเป็นไปตามคาด นอกจากนี้เราคาด CK เป็น tactical call สำหรับกลุ่มก่อสร้าง หากโหวต พ.ร.บ.งบปี 69 ผ่านไปได้ด้วยดีจะเป็น sentiment เชิงบวกให้กับกลุ่มได้ และปัจจุบัน CK มี valuation ไม่แพง ซื้อขายต่ำ 1 เท่า PBV
- BDMS (เคจีไอ) "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 32 บาท หลังประกาศผลประกอบการน่าประทับใจด้วยกำไรสุทธิใน Q1/68 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ เบื้องต้นคาดกำไรจะเติบโตดี YoY ต่อใน Q2/68 คาดรายได้จะเติบโตจากผู้ป่วยชาวต่างชาติเพิ่มขึ้นและแพลตฟอร์มที่แข็งแกร่งในการรักษาประเภทที่มีความซับซ้อน (intensity) สูงจากศูนย์ความเป็นเลิศ (Center of Excellence: CoE) BDMS ยังคงเป็นหนึ่งในหุ้นเด่นของเราในกลุ่มนี้
- SPRC (เมย์แบงก์) ราคาเป้าหมาย 9.10 บาท กลยุทธ์การเพิ่มประสิทธิภาพอัตรากำไรและการบริหารต้นทุน รวมถึงบูรณาการระหว่างโรงกลั่นและธุรกิจค้าปลีกให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังตั้งเป้าจ่ายปันผลสม่ำเสมอมากขึ้น แม้ค่าการกลั่น (GRM) จะผันผวน แต่ SPRC ยังคงเป็นหนึ่งในหุ้นกลุ่มพลังงานที่เราแนะนำที่สุด เนื่องจากเป็นหุ้นที่มีการดำเนินธุรกิจโรงกลั่นเกือบทั้งหมด มีมูลค่าประเมินที่น่าสนใจ (P/BV เพียง 0.5 เท่า) และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง (7-8% ในปี 68/69 อิงจากอัตราการจ่าย 55%) ปัจจัยบวกในระยะสั้นได้แก่ ค่าการกลั่นที่สูง และความตึงเครียดด้านภาษีที่เริ่มผ่อนคลาย