นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น [WHA] กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับเป้าหมายยอดขายที่ดินนิคมอุตสาหกรรมในประเทศเวียดนามลดลง จากเดิมที่ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 650 ไร่ หลังจากที่สถานการณ์ความไม่แน่นอนของสงครามการค้ายังไม่ชัดเจน และยังรอติดตามสถานการณ์ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ว่าจะเป็นอย่างไร
ส่วนยอดขายที่ดินนิคมอุตสาหกรรมในไทยคาดว่ามีโอกาสทะลุเป้าหมายที่วางไว้ 1,700 ไร่ ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการประเมินยอดขายที่ดินนิคมอุตสาหกรรมรวมใหม่ จากผลกระทบยอดขายที่ดินนิคมอุตสาหกรรมในเวียดนามที่ยังเผชิญความไม่แน่นอนของสงครามการค้าของสหรัฐ
ส่วนธุรกิจโลจิสติกส์นั้นยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยที่ในไตรมาส 1/68 ได้มีการเซ็นสัญญาให้เช่าพื้นที่เช่าคลังสินค้า Built-To-Suit ไปแล้ว 38,412 ตารางเมตร มูลค่า 1.6 พันล้านบาท และพื้นที่เช่าคลังสินค้าสำเร็จรูป ในไตรมาส 1/68 ได้มีการเซ็นสัญญาไปแล้ว 35,682 ตารางเมตร และในส่วนของการส่งมอบพื้นที่เช่าคลังสินค้าในปีนี้ WHA ตั้งเป้าไว้ที่ 200,000 ตารางเมตร แบ่งเป็น พื้นที่เช่าคลังสินค้าในประเทศ 163,000 ตารางเมตร และพื้นที่เช่าคลังสินค้าในต่างประเทศ 37,000 ตารางเมตร
นอกจากนี้ WHA ยังมีการยกระดับบริการโลจิสติกส์ ผ่านกลยุทธ์ 3PLs และ 4PLs ซึ่งเป็นการจัดการขนส่งและคลังสินค้า เพื่อเข้ามาช่วยลดต้นทุนบริการไปพร้อมๆกับเพิ่มจำนวนลูกค้า ประกอบกับทำให้การบริการลูกค้าสามารถทำได้อย่างครบวงจร ตั้งแต่การให้คำปรึกษา การเก็บความต้องการในด้านการออกแบบ การก่อสร้างโครงการ และการให้บริการหลังการขายระยะยาว
สำหรับธุรกิจสาธารณูปโภค ภายใต้การบริหารงานของบมจ.ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ [WHAUP] มีกลยุทธ์ในการขยายธุรกิจน้ำเพิ่มเติม เพื่อรองรับลูกค้ากลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์ที่จะเข้ามาใช้บริการในพื้นที่เช่าของ WHA ในจำนวนมาก โดยลูกค้ากลุ่มนี้มีความต้องการใช้น้ำมากกว่าระดับปกติสูงถึง 12-14% ทำให้บริษัทต้องมีการเตรียมความพร้อมรองรับปริมาณน้ำที่สูงขึ้นในช่วง 1-2 ปีจากนี้
ขณะเดียวกัน WHAUP ยังมีแผนการขยายธุรกิจน้ำประปา และน้ำเกรดอุตสาหกรรมออกนอกนิคม ให้สอดคล้องกับความต้องการที่สูงขึ้น และยังมีการมองหาแหล่งน้ำดิบเพิ่มเติม เพื่อลดต้นทุนและเสริมสร้างความมั่นคงด้านสาธารณูปโภคภายในนิคมอุตสาหกรรมและคลังสินค้าให้เช่าในกลุ่ม ซึ่งในปีนี้ WHAUP ตั้งเป้าหมายอดขายน้ำอยู่ที่ 173 ล้านลูกบาศก์เมตร สูงขึ้นจากปีก่อน โดยมีปัจจัยหนุนสำคัญจากปริมาณยอดขายน้ำน้ำที่เป็นส่วนสร้างมูลค่าเพิ่ม (Value-added Water) ที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 29% จากปีก่อน
ด้านธุรกิจโมบิลิตี้ ยังอยู่ในช่วงเฟสแรกของการดำเนินการหลังจากเปิดตัวเมื่อปี 67 โดยบริษัทได้วางแผนที่สร้าง Ecosystem ทางโลจิสติกส์ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ตามความต้องการครบวงจร ตั้งแต่บริการเช่ารถขนส่งไฟฟ้า สถานีชาร์จแบตเตอรี่ และซอฟต์แวร์โซลูชั่น สำหรับการติดตามข้อมูลรถและแบตเตอรี่ และในปีนี้ได้ตั้งเป้าให้มียอดเช่ารวม 1,700 คัน โดยจะรวมทั้งรถยนต์และโครงแชสซี ในไตรมาส 1/68 ที่ผ่านมา สามารถทำยอดได้ 360 คันแล้ว จากกลุ่มลูกค้า Blue-chip เป็นหลัก
ด้านธุรกิจดิจิทัล ซึ่งจะเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญให้กับทุกธุรกิจก่อนหน้า ซึ่งมุ่งเน้นไปที่โครงการ AI Transformation 12 โครงการ โดยจะนำข้อมูลจากปัญญาประดิษฐ์มาเข้าเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการ อีกทั้งใช้ Generative AI เข้ามาประสานงานในด้านบัญชี กฎหมาย การตลาด การบริหารทรัพยากรมนุษย์ และอื่นๆอีกด้วย