นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดดัชนีแกว่งผันผวน โดยระยะสั้นถูกกดดันจากหุ้น DELTA จากความกังวลมาตรการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเตรียมปรับเกณฑ์ Capped Weight จำกัดน้ำหนักหุ้นรายตัวในดัชนี SET50/SET100 ที่ 10% เริ่มวันที่ 1 ก.ค.นี้ โดย DELTA มีน้ำหนักใน SET50 11.7% และใน SET100 มีน้ำหนัก 10.6% ยังสูงกว่าเกณฑ์ อย่างไรก็ตาม ประเมินว่า DELTA หากปรับตัวลงจะกดดันดัชนีตลาดหุ้นไทยไม่น่าจะเกินกรอบ 1,117 จุด
สำหรับปัจจัยต่างประเทศ เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐแกว่งในกรอบแคบ หลังประเด็นนโยบายภาษีศุลกากรของสหรัฐ เริ่มมีความคืบหน้า ขณะเดียวกันการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อวานนี้ ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนในสหรัฐออกมาต่ำกว่าคาด อาจทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐขาดแรงขับเคลื่อน
ขณะที่ปัจจัยในประเทศ มี Sentiment บวกอ่อน ๆ จากความคืบหน้ามาตรการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว ที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เตรียมเสนอโครงการวงเงิน 13,000 ล้านบาท สำหรับกระตุ้นการท่องเที่ยว ภายใต้กรอบงบวงเงินขับเคลื่อนเศรษฐกิจ 157,000 ล้านบาท ต่อคณะกรรมการกลั่นกรองในวันนี้ ระยะสั้นมองเป็นบวกหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม
ขณะที่ยังต้องติดตามการเจรจาการค้าระหว่างผู้นำสหรัฐและจีนในสัปดาห์นี้ และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ค.สหรัฐ รวมทั้งการรายงานเงินเฟ้อของไทย
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในวันนี้แนะนำ Selective Buy โดยวันนี้แนะนำ MINT ที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และระยะสั้นได้ปัจจัยหนุนจากการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) คาดว่าจะปรับลดดอกเบี้ย ทำให้ดอกเบี้ยจ่ายลดลง และ ADVANC ที่ก่อนหน้านี้ปรับตัวลดลงไปพอสมควร และคาดว่าจะได้ประโยชน์จาก Capped Weight ที่จะถูกเพิ่มน้ำหนักขึ้นมา
พร้อมให้กรอบแนวรับ 1,120 จุด และแนวต้าน 1,140 จุด
*ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (4 มิ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,427.74 จุด ลดลง 91.90 จุด หรือ -0.22%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,970.81 จุด เพิ่มขึ้น 0.44 จุด หรือ +0.01% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,460.49 จุด เพิ่มขึ้น 61.53 จุด หรือ +0.32%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ระดับ 37,590.39 จุด ลดลง 157.06 จุด หรือ -0.42%, ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,378.22 จุด เพิ่มขึ้น 2.02 จุด หรือ +0.06% และดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 23,828.69 จุด เพิ่มขึ้น 174.66 จุด หรือ +0.74%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (4 มิ.ย.) 1,132.02 จุด ลดลง 17.16 จุด (-1.49%) มูลค่าซื้อขาย 49,605.35 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ (4 มิ.ย.) 871.86 ล้านบาท
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ค. (4 มิ.ย.) ลดลง 56 เซนต์ หรือ 0.88% ปิดที่ 62.85 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (4 มิ.ย.) อยู่ที่ 7.36 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.55 แข็งค่ารับดอลลาร์อ่อน หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐแย่กว่าคาด
- ท่ามกลางสัญญาณ "เศรษฐกิจโลก" และ "เศรษฐกิจไทย" ที่ยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน กลุ่มธุรกิจการเงินขนาดใหญ่ เริ่มมองเห็น "ผลกระทบ" ที่หนักมากยิ่งขึ้น ที่กระทบต่อ "พอร์ตลูกหนี้" ไม่เฉพาะ "รายย่อยครัวเรือน" หรือ "ธุรกิจเอสเอ็มอี" แต่ปัจจุบันเริ่มเห็น "เสาหลัก" อย่าง "ธุรกิจรายใหญ่" เริ่มแสดง อาการ "อ่อนแอ" และเปราะบางมากขึ้น สะท้อนผลประกอบการ สภาพคล่อง กระแสเงินสด "ลดลง" ต่อเนื่อง
- "คลัง" สรุปชื่อ 7 รายชิงผู้ว่า ธปท. คนใหม่ นัดสัมภาษณ์แสดงวิสัยทัศน์วันที่ 24 มิ.ย.นี้ มั่นใจส่งชื่อเสนอ ครม.ภายใน 2 ก.ค.นี้ "วิทัย" ยื่นใบสมัครช่วงโค้งสุดท้าย "ดร.รุ่ง" คนในหนึ่งเดียวยื่นใบสมัครรอบนี้
- "สรวงศ์" เผยหน่วยงานสังกัดกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ชงของบวงเงินรวม 1.3 หมื่นล้านบาท ขอรับการจัดสรรงบกลาง กระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้านบาท "ฐาปนีย์" ผู้ว่าการ "ททท." หวังดันมูลค่าเศรษฐกิจท่องเที่ยว กว่า 9 หมื่นล้านบาท ฝ่าวงล้อมท่องเที่ยวโลกแข่งขันสูง เปิดสถิติ "ต่างชาติเที่ยวไทย" 5 เดือนแรก 14.36 ล้านคน ติดลบเกือบ 3% "นักท่องเที่ยวจีน" เดินทาง 1.9 ล้านคน ร่วง 32%
- นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเจรจาภาษีสหรัฐว่า ยังคงดำเนินการต่อเนื่อง โดยมีการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมตามสภาพการณ์ เพื่อให้ได้ประโยชน์ทั้งสองประเทศ ส่วนกรณีนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ หารือกับผู้แทนการค้าสหรัฐ ระหว่างเดินทางไปเยือนฝรั่งเศสว่า มีการพูดถึงความเป็นไปได้ที่ทั้งสองฝ่ายจะเจรจาออนไลน์ระหว่างกันโดยเร็ว แต่คงต้องรอให้สหรัฐแจ้งกลับมาว่าจะมีการพูดคุยภายใต้เงื่อนไขอย่างไรบ้าง
- จุลพันธ์ มั่นใจกฎหมาย Entertainment Complex เสร็จในรัฐบาลชุดนี้ภายใน 2 ปีจ่อชงสภาฯ วาระแรก เดือน ก.ค. 2568 ตั้งเป้าดึงโครงการลงทุนระดับโลกมูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท ยันมีกลไกป้องกันการฟอกเงิน คาดสร้างรายได้เข้ารัฐกว่าปีละ 3.9 หมื่นล้านบาท พร้อมกางแผนสิงคโปร์โมเดล เล็งเป้าผุดกาสิโนกลางเมือง
- กกร.ปรับลดประมาณเศรษฐกิจปี 68 ลง เหลือโต 1.5-2% จากความกังวลส่งออกติดลบ 0.5% ถึง 3% การลงทุนภาคเอกชนครึ่งปีหลังมีแนวโน้มชะลอ
- โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างเดือน พ.ค.2568 เท่ากับ 113.3 เมื่อเทียบกับเดือน พ.ค.2567 สูงขึ้น 0.3% จากความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างโครงการภาครัฐและการปรับปรุงซ่อมแซมอาคารและที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างขยายตัว 12 เดือนติดต่อกัน
- นายกฯ รับคิดปรับ ครม.จริง แต่ยังไม่ถึงเวลา ชี้หากปรับแล้วต้องดีขึ้น ย้ำต้องคุยพรรคร่วมก่อน ขอรอเวลาที่เหมาะสม "สรวงศ์" ยันไม่ใช่คนเจรจาสลับกระทรวงกับ "ภูมิใจไทย" ระบุระดับหัวหน้าพรรคคุยกันอยู่แล้ว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับนายกฯ "ภูมิธรรม" โยนถาม ภูมิใจไทย เรื่องขอปรับใหญ่ ยันก่อนตั้งรัฐบาลไม่มีข้อตกลงนั่งเก้าอี้ยาว "พิพัฒน์" ย้ำไม่จริงเรื่อง ภท. ต่อรอง ปรับ ครม.ทั้งคณะ ให้รอ "อนุทิน" กลับมาตอบ ด้าน "ประเสริฐ" เซ็งนั่งมท.1 แค่ข่าวลือ
- MINT (พาย) "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 36.00 บาท รายงานกำไรปกติในไตรมาส 1/68 อยู่ที่ 50 ล้านบาท (-9.8% QoQ) ใกล้เคียงกันที่เราคาด แต่สูงกว่าที่ตลาดคาด 48% โดยพิลกกลับมากำไรจากที่ขาดทุนในไตรมาส 1/67 (ไตรมาสแรกถิอเป็นช่วง Low season ตามปกติของยุโรป) ถึงแม้รายได้จากธุรกิจหลักจะอ่อนตัวอยู่ที่ 3.6 พันล้านบาท (-3% YoY, -12% QoQ) แต่ด้วยความสามารถในการควบคุมค่าใช้จ่าย และชำระหนี้ที่ดีขึ้น SG&A-to-sales ที่ 36% (-1 oots YoY)
- AMATA (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 23.30 บาท เรามองการปรับตัวลดลงของราคาหุ้นมาบริเวณ 12-14 บาท สะท้อน worst-case scenario ไปพอสมควรแม้ยังคงมีความไม่แน่นอนของความเสี่ยงด้านสงครามทางการค้าที่ตลาดมองว่าจะกระทบ demand ในการซื้อที่ดินของลูกค้าอุตสาหกรรม, เราคาดการณ์ downside จากราคาตลาดอยู่ที่ระดับราว 10% ใช้ PBV ที่ระดับ crisis สองช่วงเวลาที่ผ่านมาคือ Hamburger crisis ที่ระดับ 0.6 เท่า และช่วง Covid period ที่ PBV เคยปรับตัวต่ำสุดไปอยู่ที่ 0.7 เท่าจะได้ราคา ระดับ worst case อยู่ที่ประมาณ 12.60-14.75 บาทต่อหุ้น แต่หากการเจรจาของ reciprocal tariffs สามารถบรรลุข้อตกลงได้ จะเป็นแรงปัจจัยหนุนให้ AMATA สามารถปรับตัวกลับขึ้นมาได้อย่างแข็งแกร่ง
- CKP (คิงส์ฟอร์ด) "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 3.92 บาท ผลประกอบการไตรมาส 1/68 มีกำไรสุทธิ 70 ล้านบาท ลดลง QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล แต่พลิกจากขาดทุนในไตรมาส 1/67 ซึ่งดีกว่าคาด ขณะที่ไตรมาส 2/68-ไตรมาส 3/68 กำไรจะฟื้นตัวต่อเนื่อง QoQ จากปริมาณน้ำที่ไหลเข้าเขื่อนน้ำงึม 2 (NN2) และปริมาณน้ำโขงที่ไหลผ่านเขื่อนไซยะบุรีเพิ่มขึ้นตามปัจจัยฤดูกาล ส่งผลให้ภาพรวมปี 68 กำไรอิงจาก consensus ของตลาดจะสามารถเติบโตได้ในระดับ 1.7 พันล้านบาท (+26%YoY) โดยคาดหวังว่าจะไม่มีการหยุดผลิตไฟฟ้าของโครงการไซยะบุรีเหนือนกับปีก่อน ขณะที่ต้นทุนทางการมีแนวโน้มลดลง