นางชวินดา หาญรัตนกูล นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) เชื่อว่ากองทุน ThaiESGX จะระดมทุนได้ไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นล้านบาท ยอมรับว่าน้อยกว่าที่ประเมินไว้ โดยปัจจุบันมีเข้ามาแล้วราว 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นผู้ที่ถือหน่วยลงทุนในกองทุน LTF ที่สับเปลี่ยนมาประมาณ 8-9 พันล้านบาท และเป็นเม็ดเงินลงทุนใหม่ 2 พันล้านบาท อย่างไรก็ตามคาดหวังเม็ดเงินไหลเข้าเพิ่มในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนครบกำหนดในวันที่ 30 มิ.ย.นี้
ก่อนหน้านี้ AIMC ประเมินว่าเม็ดเงินจากผู้ที่ถือหน่วย LTF ที่สับเปลี่ยนมาจะมีไม่ต่ำกว่า 50% ของมูลค่าคงค้าง หรือประมาณ 8 หมื่นล้านบาท ขณะที่คาดว่าจะมีเม็ดเงินใหม่ราว 2 หมื่นล้านบาท
"อาจเพราะว่ายังมีเวลาอีก 2 อาทิตย์ ส่วนมากคนจะรอเวลา หรือบางคนมีเงินในกองทุนอยู่ในหลาย บลจ. ใช้เวลาในการโอนย้าย ตอนนี้รวมทั้งหมดในกองทุน ThaiESGX เราได้ประมาณหมื่นกว่าล้านบาท รวมทั้งเม็ดเงินใหม่และเม็ดเงินที่โยกมา"
ปัจจุบันยังมีเม็ดเงินคงค้างในกองทุน LTF ปริมาณมากถึง 1.3-1.4 แสนล้านบาท รอการตัดสินใจว่าจะโยกมายังกอง ThaiESGX หรือไม่ เพราะไม่มีการไถ่ถอนออกมาไปมากแล้ว แต่ไม่ทราบว่าเพราะรออาทิตย์สุดท้ายหรือเหตุผลอื่น ซึ่งปัจจุบันเม็ดเงินที่ทยอยโอนในแต่ละอาทิตย์ไม่ได้มากนัก
ขณะที่เม็ดเงินใหม่ ก็คาดว่านักลงทุนรอในช่วงโค้งสุดท้ายเช่นกัน เนื่องจากโดยปกติเม็ดเงินใหม่จะเข้ามาช่วงสิ้นปี เนื่องจากนักลงทุนมีเงินจากโบนัสหรือเงินลงทุนใหม่ แต่กอง ThaiESGX ที่เปิดขายในกลางปี ทำให้อาจต้องใช้เวลาสะสมเงินเพื่อที่จะเอามาลงทุน น่าจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เม็ดเงินใหม่น้อยกว่าที่เราคาด
อย่างไรก็ตาม คงจะไม่มีการยืดระยะเวลาซื้อขายกอง ThaiESGX ออกไปอีก เนื่องจากมองว่าแม้จะยืดระยะเวลาไป แต่ด้วยสภาวะตลาดปัจจุบันรวมทั้งปัจจัยข้างต้นยังมีอยู่ก็คงไม่มีประโยชน์
แต่สภาวะตลาดปัจจุบันเม็ดเงินที่ไหลออกจากตลาดลดน้อยลง และกองทุน LTF ไม่ได้เป็นแรงขายสำคัญในตอนนี้ แต่ตลาดหุ้นไทยยังขาดปัจจัยหนุน อีกทั้งยังมีปัจจัยลบเข้ามากดดันรอบด้าน ทั้งปัจจัยการเมืองในประเทศ นโยบายภาษีการค้าของสหรัฐ และสงครามความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ทำให้นักลงทุนยังชะลอการตัดสินใจในการลงทุนสินทรัพย์ต่าง ๆ ไม่ใช่เฉพาะหุ้นไทย