สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจตรวจสอบข้อมูลลูกค้าระหว่างกันสำหรับใช้ประกอบการพิจารณากำหนดและทบทวนวงเงินซื้อขายหลักทรัพย์ให้แก่ลูกค้าได้อย่างเหมาะสมต่อความสามารถในการชำระหนี้
ก.ล.ต. ปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำหนดให้บริษัทหลักทรัพย์และผู้ประกอบธุรกิจซื้อขายสัญญาล่วงหน้า (รวมเรียกผู้ประกอบธุรกิจ) ตรวจสอบข้อมูลลูกค้าระหว่างกัน เพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจมีข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้าที่จำเป็นและเพียงพอต่อการนำไปใช้ประกอบการพิจารณากำหนดและทบทวนวงเงินให้แก่ลูกค้าได้อย่างเหมาะสมต่อความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้า เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดพฤติกรรมการซื้อขายที่ไม่เหมาะสม และลดโอกาสการผิดนัดชำระราคาค่าซื้อขายหลักทรัพย์ที่อาจส่งผลกระทบต่อฐานะทางการเงินของผู้ประกอบธุรกิจ ตลอดจนลดความเสี่ยงเชิงระบบได้ จึงกำหนดหน้าที่ของผู้ประกอบธุรกิจซึ่งมีสาระสำคัญโดยสรุป ดังนี้
(1) ผู้ประกอบธุรกิจมีหน้าที่รวบรวม ประเมิน และวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้าที่ขอวงเงินสูง หรือมีความเสี่ยงสูง จากผู้ประกอบธุรกิจรายอื่น ๆ ที่ให้บริการลูกค้าในรายเดียวกัน เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลของลูกค้ารายดังกล่าวที่เกี่ยวข้องกับความสามารถในการชำระหนี้ และนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ประกอบการวิเคราะห์เพื่อกำหนดวงเงินอย่างมีประสิทธิภาพ
(2) ผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับการร้องขอข้อมูลมีหน้าที่นำส่งข้อมูลลูกค้าตามที่ได้รับการร้องขอจากผู้ประกอบธุรกิจแห่งอื่น ๆ
(3) ผู้ประกอบธุรกิจที่ร้องขอตรวจสอบข้อมูลต้องเปิดเผยข้อมูลของลูกค้าดังกล่าวแก่ผู้ประกอบธุรกิจรายอื่นที่ให้บริการแก่ลูกค้ารายเดียวกันทราบด้วย
สำหรับรายละเอียดการดำเนินการในการตรวจสอบข้อมูลลูกค้า เช่น ช่องทางและวิธีการตรวจสอบข้อมูลของลูกค้าระหว่างกัน เงื่อนไขของลูกค้าที่ต้องตรวจสอบข้อมูลจากผู้ประกอบธุรกิจแห่งอื่น ชุดข้อมูลของลูกค้าที่ต้องตรวจสอบระหว่างกัน เป็นต้น ให้เป็นไปตามที่สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทยกำหนด โดยได้รับความเห็นชอบจาก ก.ล.ต.
ทั้งนี้ ประกาศที่ปรับปรุงหลักเกณฑ์ดังกล่าว จะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2569