ตลาดหุ้นไทยปั่นป่วน เมื่อวันนี้ราคา 3 หุ้นใหญ่ในตลาด SET คือ บมจ.บัตรกรุงไทย [KTC] บมจ.เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล [XPG] บมจ.บีอีซี เวิลด์ [BEC] และอีก 1 หุ้นใน mai คือ บมจ.เดอะแพรคทิเคิลโซลูชั่น [TPS] ร่วงติดติดฟลอร์ ตามมาตรการชั่วคราวของตลาดหลักทรัพย์ที่ลดซีลลิ่ง-ฟลอร์เหลือ 15% เพื่อรับมือกับสถานการณ์ในตะวันออกกลางที่ทวีความตึงเครียด
ขณะที่พบข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ฯ ปรากฎว่าได้มีผู้นำหุ้นทั้ง 4 ตัวไปวางมาร์จิ้นไว้ค่อนข้างมาก จึงตั้งข้อสงสัยว่าอาจถูกฟอร์ซเซล โดยวงการตลาดหุ้นโยงไปถึงนักลงทุนชื่อดังจากภาคอีสาน ซึ่งถือหุ้นทั้ง 4 ตัวนี้
ช่วงบ่ายวันนี้ KTC ยังร่วงติดฟลอร์ 14.39% มาอยูที่ 29.75 บาท ปริมาณขาย 17.4 ล้านหุ้น มีออร์เดอร์ขายรอมากกว่า 121 ล้านหุ้น
XPG ร่วงติดฟลอร์ 14.08% มาอยู่ที่ 0.61 บาท ปริมาณขาย 32.92 ล้านหุ้น มีออร์เดอร์ขายรออยู่มากกว่า 10 ล้านหุ้น
BEC ร่วงติดฟลอร์ 14.75% มาอยู่ที่ 3.12 บาท ปริมาณขาย 2.3 ล้านหุ้น มีออร์เดอร์ขายรออยู่มากกว่า 28 ล้านหุ้น
TPS ร่วงติดฟลอร์ 14.63% มาอยู่ที่ 2.80 บาท ปริมาณขาย 3.6 ล้านหุ้น มีออร์เดอร์ขายรออยู่ราวแสนหุ้น
ทั้งนี้ หุ้น KTC วางมาร์จิ้นไว้ 16.30% , หุ้น XPG วางมาร์จิ้นไว้ 13.49%, หุ้น BEC นำไปวางมาร์จิ้นไว้ 16.02%, หุ้น TPS นำไปวางมาร์จิ้น 1.92%
แหล่งข่าวจากวงการโบรกเกอร์ กล่าวว่า การที่หุ้น 4 ตัวที่มีนักลงทุน VI ถือหุ้นใหญ่พร้อมใจกันปรับตัวลงอย่างหนักในวันนี้ ประกอบกับสัดส่วนการวางมาร์จิ้นที่สูงในบางหุ้น ทำให้เกิดคำถามว่าเกิดอะไรขึ้น ตลาดต้องจับตาอย่างใกล้ชิดว่าสถานการณ์นี้จะคลี่คลายไปในทิศทางใด และจะส่งผลกระทบต่อนักลงทุนรายดังกล่าวอย่างไร