ก.ล.ต.-ตลท.ชู JUMP+ และ Corporate Value Up สร้างโอกาสเติบโต บจ.อย่างแข็งแกร่ง

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday June 26, 2025 18:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ก.ล.ต.-ตลท.ชู JUMP+ และ Corporate Value Up สร้างโอกาสเติบโต บจ.อย่างแข็งแกร่ง

หน่วยงานภาคตลาดทุนจับมือร่วมยกระดับบริษัทจดทะเบียนไทย เสริมแกร่งสร้างโอกาสการเติบโต ผ่าน 2 โครงการ ได้แก่ "Corporate Value Up" โดย ก.ล.ต. และ "JUMP+" โดย ตลาดหลักทรัพย์ฯ พร้อมเดินหน้าแพคเกจสนับสนุนบริษัทจดทะเบียนในหลายมิติ มุ่งเสริมความเชื่อมั่นตลาดทุนไทย ส่งเสริมการเติบโตยั่งยืน

นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า ตลาดทุนในเอเชียกำลังเผชิญกับความท้าทายทั้งด้านผลตอบแทนและความเชื่อมั่นจากผู้ลงทุน หลายประเทศจึงเริ่มขับเคลื่อนนโยบายการสร้างมูลค่าของกิจการในระยะยาว หรือ "Value Up" เพื่อยกระดับธรรมาภิบาลสร้างคุณค่าในระยะยาวแก่ผู้ถือหุ้น ขณะที่ประเทศไทยกำลังยืนอยู่ในจุดเปลี่ยนสำคัญ หากเราต้องการให้บริษัทจดทะเบียนเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน การเปลี่ยนผ่านสู่แนวทาง Value Up คือโอกาสสำคัญ

ก.ล.ต.-ตลท.ชู JUMP+ และ Corporate Value Up สร้างโอกาสเติบโต บจ.อย่างแข็งแกร่ง

ก.ล.ต. จึงผลักดันโครงการ "Corporate Value Up" ให้เป็นกลไกหลักในการยกระดับธรรมาภิบาลของภาคธุรกิจไทยทำหน้าที่เป็น กรอบกลยุทธ์ และ กลไกส่งสัญญาณตลาด โดยเชื่อมโยงกับการออกแบบแรงจูงใจเชิงนโยบายผ่านกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG) กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (Thai ESGX) และโครงการ JUMP+ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านเชิงระบบอย่างเป็นรูปธรรม นำไปสู่การสร้างตลาดทุนไทยที่แข็งแกร่ง น่าเชื่อถือ และยั่งยืนในระดับสากล

สำหรับโครงการ "Corporate Value Up" ภายใต้กรอบแนวคิดหลัก 3 องค์ประกอบ ได้แก่ (1) ธรรมาภิบาลระดับดีเลิศ (2) แผน Value Up ที่ชัดเจนทั้งด้านแผนกลยุทธ์มุ่งเน้นเพิ่มมูลค่ากิจการและแผนการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม ระยะเวลาภายใน 2 ปี และ (3) การสื่อสารกับนักลงทุนอย่างโปร่งใส หาก บจ.มีองค์ประกอบครบถ้วนจะมีคุณสมบัติเข้าเกณฑ์เป็นหลักทรัพย์ที่ Thai ESG หรือ Thai ESGX สามารถลงทุนได้ ซึ่งปัจจุบันมี 2 บริษัทที่ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติดังกล่าวแล้ว

นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า โครงการ Jump+ จะเสริมสร้างซัพพลายของตลาดทุนไทยให้น่าสนใจมากขึ้นเพื่อดึงดูดนักลงทุน รวมทั้งกร้างการเติบโตให้กับบริษัทจดทะเบียน และเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

บริษัทที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับเงินสนับสนุนสูงสุด 5 ล้านบาท และมีเงินรางวัลพิเศษอีก 5 แสนบาท หากทำได้ตามแผนงานที่กำหนด ซึ่งระยะแรกตั้งเป้าจะมีบริษัทจดทะเบียน (บจ.) เข้าร่วมโครงการ 50-100 บริษัท คาดว่าจะเริ่มเห็นแผนงาน Jump+ ของบรรดา บจ.ในช่วงไตรมาส 4/68 เป็นต้นไป และจะสามารถติดตามการดำเนินตามแผนงานได้ตั้งแต่ไตรมาส 1/69

นายอัสสเดช กล่าวว่า บจ.จะต้องทำแผน JUMP+ ประกอบด้วย แผนด้านธุรกิจ แผนด้านธรรมาภิบาล และแผนจัดการก๊าซเรือนกระจก โดย ตลท.และพันธมิตรสนับสนุนการดำเนินงานตามแผนของ บจ. ที่เข้าร่วมโครงการ อาทิ ค่าใช้จ่ายว่าจ้างที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF) การขยาย visibility ทั้งในและต่างประเทศผ่านกิจกรรม roadshow กิจกรรม Opportunity Day การจัดทำบทวิเคราะห์ และโปรโมทผ่านช่องทางของตลท.และพันธมิตร

โครงการ "JUMP+" เป็นโครงการระยะยาว โดย บจ.ร่วมโครงการจะต้องจัดทำแผนการเติบโต 3 ปี (2569-2571) เปิดเผยเป้าหมายและแผนงานให้ไปสู่เป้า เปิดเผยความคืบหน้า และสื่อสารกับผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาที่ร่วมโครงการ ผ่านช่องทางของตลาดหลักทรัพย์ฯ และบจ.ที่ร่วม JUMP+ จะได้เข้าสู่โครงการ "Corporate Value Up" หากมีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์ของ สำนักงาน ก.ล.ต.

"JUMP+ จะเป็นการสนับสนุนให้ บจ.ได้เปิดเผยข้อมูลมากขึ้น พร้อมทั้งกำหนดเป้าหมายและแผนการดำเนินงานอย่างชัดเจนในระยะเวลา 3 ปี ซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนไม่เคยได้ยินจาก บจ. อีกทั้งยังเป็นโอกาสให้ บจ.แสดงศักยภาพให้นักลงทุนได้เห็นและสร้างความน่าสนใจได้อย่างมาก ช่วยให้ผู้ลงทุนเข้าถึงข้อมูลแผนการเติบโตของ บจ.พร้อมทั้งทราบถึงความคืบหน้าในการดำเนินงานตามแผนงานอย่างต่อเนื่อง" นายอัสสเดช กล่าว

ขณะที่สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่เคยมีการกล่าวถึง นายอัสสเดช กล่าวว่า ปัจจุบันยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนเพราะอยู่ระหว่างการพูดคุยกับภาครัฐ อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าหากมีสิทธิประโยชน์ทางภาษีได้จะเป็นเรื่องดี แต่ปัจจุบันสถานะทางการคลังมีหลายประเด็นที่ต้องพิจารณาเพื่อให้การใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจไทยได้มากที่สุด ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงการคลังได้ให้การช่วยเหลือกับภาคตลาดทุนอยู่เสมอ ทั้งสิทธิประโยชน์ทางภาษีผ่านกองทุน Thai ESG และกองทุน Thai ESGX

"เรื่องการสนับสนุนทางภาษี เป็นแรงจูงใจที่ดีอย่างหนึ่ง แต่ไม่ได้จำเป็นสำหรับบริษัทจดทะเบียนที่มีการเติบโตดีอยู่แล้ว เราได้ยินมาตลอดว่าบริษัทขนาดเล็กหลายบริษัทบทวิเคราะห์ไม่ครอบคลุม สภาพคล่องน้อย นักลงทุนไม่สนใจ นี่จะเป็นโอกาสที่จะได้นำเสนอตัวเอง ภายใต้โครงการที่เราจะนำเสนอให้กับนักลงทุนทั่วโลก"

นายอำนาย จิรมหาโภคา ผู้ช่วยผู้จัดการ สายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลท.เปิดเผยว่า บจ.ที่เข้าร่วมโครงการ Jump+ จะได้รับเงินสนับสนุนเพื่อจัดทำแผนงาน และการดำเนินการตามแผนงานตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง สูงสุดไม่เกิน 5 ล้านบาท ตลอดระยะเวลาโครงการ โดยแบ่งเป็นเงินสนับสนุนแผนงาน 3 ล้านบาท แผนการจัดการก๊าซเรือนกระจก (Climate Action) 1 ล้านบาท แผนงานทั่วไป 5 แสนบาท แผนการยกระดับธรรมภิบาล (Corporate Governace) 5 แสนบาท และหากบริษัทที่เข้าร่วมโครงการสร้างการเติบโตได้ตามเงื่อนไขที่กำหนด ได้รับเงินรางวัลสูงสุด 500,000 บาท

นอกจากนี้ ตลท.ยังจะสนับสนุบการเสริมสร้างองค์ความรู้ให้กับบุคคลากรของบริษัท โดยสนับสนุน Advisory Pool ที่ขึ้นทะเบียน 3 กลุ่ม ได้แก่ สถาบันการศึกษาระดับสูง บริษัทผู้สอบบัญชีขนาดใหญ่ และที่ปรึกษาทางธุรกิจ ซึ่งปัจจุบันมีบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินที่เข้าร่วมอยู่กว่า 10 แห่ง และอาจจะรับเพิ่มเติม ซึ่งอยู่ระหว่างการพูดคุยกับหลายบริษัท นอกจากนี้ยังมีส่วนลดค่าธรรมเนียม SET และ TSD รวมทั้งส่วนลดค่าอบรมหลักสูตร IOD

ตลท.เปิดกว้างในการรับ บจ.เข้าร่วมโครงการ มุ่งเน้นไปที่ 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มบริษัทขนาดกลาง-เล็ก และกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ ซึ่งอาจมีการทำแผนเป็นประจำอยู่แล้ว เพื่อให้สามารถวัดผลได้ รายงานความคืบหน้าเป็นระยะ จะทำให้ผู้ลงทุนเข้าใจ บจ.ที่จะเข้าลงทุนได้มากขึ้น หาก บจ.ที่เข้าร่วมโครงการไม่สามารถทำได้ตามเป้าจากสถานการณ์ต่าง ๆ ที่อาจกระทบก็สามารถอธิบายและปรับเป้าหมายลงได้ระหว่างการเข้าร่วมโครงการ แต่หากสถานการณ์ดีขึ้นก็สามารถปรับเป้าขึ้นได้เช่นกัน

การดำเนินทั้ง 2 โครงการคือ "Corporate Value Up" และ "JUMP+" อย่างควบคู่ต่อเนื่องกัน สะท้อนถึงการที่หน่วยงานภาคตลาดทุนคือ ตลาดหลักทรัพย์ฯ และสำนักงาน ก.ล.ต. มีความมุ่งหมายที่ตรงกัน ในการพัฒนาคุณภาพของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งนอกจากจะเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของตลาดทุนแล้ว การที่บริษัทจดทะเบียนแข็งแกร่ง ยังส่งผลดีต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจของประเทศด้วย

สำหรับรายละเอียดโครงการ สมัครเข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่วันที่ 26 มิ.ย. - 30 ธ.ค. 68 จัดทำและเผยแพร่แผน Jump+ 16 ก.ค. - 30 ธ.ค. 68 และรายงานความคืบหน้าสื่อสารผู้ลงทุน รายไตรมาส (ภายใน 15 วันหลังจากนำส่งงบการเงิน)



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ