ฟิทช์ คงอันดับเครดิต TTB ที่ "BBB" และ "AA+" แนวโน้มมีเสถียรภาพ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday July 3, 2025 17:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว (Long-Term Issuer Default Rating) ของธนาคารทหารไทยธนชาต [TTB] ที่ BBB และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ AA+(tha) โดยมีแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ พร้อมกันนี้ฟิทช์ได้คงอันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาล (Government Support Rating: GSR) ของธนาคารที่ bbb และ อันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน (Viability Rating: VR) ที่ bbb- และอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้นที่ F2

ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต

การสนับสนุนจากรัฐบาลเป็นปัจจัยหนุนอันดับเครดิต: อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศและอันดับเครดิตภายในประเทศของ TTB มีปัจจัยในการพิจารณามาจากอันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาล หรือ GSR ซึ่งสะท้อนถึงมุมมองของฟิทช์ว่ามีโอกาสสูงที่รัฐบาลไทย (BBB+/Stable/F1) จะให้การสนับสนุนเป็นพิเศษ (extraordinary support) แก่ธนาคาร ในกรณีที่จำเป็น ในขณะที่อันดับเครดิตภายในประเทศยังพิจารณาเปรียบเทียบโครงสร้างเครดิตของ TTB เทียบกับธนาคารและบริษัทอื่นที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศโดยฟิทช์

อันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลสะท้อนถึงความสำคัญเชิงระบบ: อันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลของ TTB อยู่ต่ำกว่าอันดับเครดิตของประเทศไทยอยู่ 1 อันดับ ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองของฟิทช์สำหรับธนาคารที่มีความสำคัญเชิงระบบในประเทศ (D-SIB) รายอื่นๆ และมีความเป็นไปได้สูงที่รัฐบาลจะให้การสนับสนุนเป็นพิเศษแก่ธนาคารในกรณีที่จำเป็น TTB เป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 6 ของประเทศไทย นอกจากนี้อันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลยังพิจารณาถึงการถือหุ้นส่วนน้อยและการมีตัวแทนในคณะกรรมการของธนาคารโดยกระทรวงการคลัง แม้ประเด็นดังกล่าวจะไม่ใช่ปัจจัยหลักในการกำหนดอันดับเครดิต

ภาวะอุตสาหกรรมมีแนวโน้มที่อ่อนแอลง: อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มที่จะยังคงทรงตัวอยู่ในระดับต่ำในปี

2568 ซึ่งเป็นผลมาจากความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยเนื่องจากเป็นระบบเศรษฐกิจแบบเปิ
ด (open economy) ที่มีสัดส่วนการค้าระหว่างประเทศค่อนข้างสูง สถานการณ์ดังกล่าวจะเป็นข้อจำกัดต่อโอกาสการเติบโตและผลการดำเนินงานของธนาคาร ฟิทช์ปรับเพิ่มอันดับคะแนนปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานขึ้นเป็น bbb ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับอันดับคะแนนตามเกณฑ์ เนื่องจากฟิทช์เชื่อว่ารัฐบาลไทยมีบทบาทสำคัญในการสร้างเสถียรภาพให้กับตลาดการเงิน อาทิ
มาตรการกำกับดูแลและมาตรการทางการคลังที่นำมาใช้ระหว่างช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19

เครือข่ายธุรกิจที่ดี: อันดับคะแนนปัจจัยด้านโครงสร้างธุรกิจ (business profile) ของ TTB ที่ bbb- สะท้อนถึงการที่ธนาคารมีเครือข่ายธุรกิจที่ค่อนข้างดี ในฐานะที่เป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีขนาดใหญ่เป็นลำดับที่ 6 แม้ขนาดธุรกิจและความหลากหลายของธุรกิจ

ของ TTB อาจจะยังไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันกับธนาคารขนาดใหญ่รายอื่นในประเทศไทย

อีกทั้งการประเมินคะแนนด้านโครงสร้างทางธุรกิจยังได้คำนึงถึงจุดแข็งของ TTB ในธุรกิจสินเชื่อรายย่อยรวมถึงสถานะที่เป็นหนึ่งในผู้นำตลาดในสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์อีกด้วย

ระมัดระวังในการเติบโต: อันดับคะแนนปัจจัยด้านความเสี่ยง (risk profile) ที่ bbb- ของ TTB สะท้อนถึงระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของธนาคารที่อยู่ในระดับปานกลางและมีความสม่ำเสมอ แม้การกระจายตัวของพอร์ตสินเชื่อยังต่ำกว่าธนาคารขนาดใหญ่รายอื่น

นอกจากนี้การประเมินยังรวมการพิจารณาถึงการหดตัวของสินเชื่ออย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2562 ซึ่งฟิทช์เชื่อว่าสะท้อนถึงมาตรฐานการพิจารณาสินเชื่อที่เข้มงวดยิ่งขึ้นและแนวทางการดำเนินธุรกิจที่ระมัดระวัง ซึ่งมีแนวโน้มจะดำเนินต่อไป

แรงกดดันด้านคุณภาพสินทรัพย์ยังอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้: ฟิทช์คาดว่าคุณภาพสินทรัพย์ของ TTB จะเผชิญกับความท้าทายอย่างต่อเนื่อง โดยอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมของธนาคารปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 3.2% ในไตรมาส 1 ปี 2568 หลังจากที่มีแนวโน้มทรงตัวอยู่ที่ประมาณ 3.1% ตั้งแต่ปี 2564 ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมจะปรับตัวสู่จุดสูงสุดในปี 2568 เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่อ่อนแอสำหรับสินเชื่อรายย่อยในประเทศไทย แต่อย่างไรก็ตามฟิทช์ยังคาดว่าอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมของ TTB น่าจะยังคงอยู่ในกรอบที่สอดคล้องกับอันดับคะแนนตามเกณฑ์ในกลุ่ม bbb ซึ่งอยู่ที่ต่ำกว่า 4.0%

แรงกดดันต่อส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปี 2568: อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อสินทรัพย์เสี่ยง(Operating profit/RWA) ของ TTB อยู่ที่ 1.8% ในไตรมาส 1 ปี 2568 (ปี 2567: 1.8%, ปี 2566: 1.5%) แต่อาจปรับตัวลดลงในช่วงที่เหลือของปี 2568 จากอัตราส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิที่ลดลง ตามสภาวะอัตราดอกเบี้ยที่เป็นขาลง แต่อย่างไรก็ตามฟิทช์ยังคงแนวโน้มอันดับคะแนน เป็นบวก เนื่องจากคาดว่าอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อสินทรัพย์เสี่ยงของ TTB อาจจะยังปรับตัวขึ้นมาอยู่ในระดับสูงกว่า 1.5% ได้ โดยเฉพาะหากค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองหนี้สูญทยอยปรับตัวลดลงในอนาคต

ฐานะเงินกองทุนแข็งแกร่งต่อเนื่อง: ฟิทช์ปรับอันดับคะแนนปัจจัยด้านเงินกองทุนและระดับหนี้สินของ TTB เป็น bbb+ แนวโน้มอันดับคะแนนมีเสถียรภาพ จากเดิม bbb แนวโน้มอันดับคะแนนเป็นบวก เนื่องจากธนาคารมีฐานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่งขึ้น โดยอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ (CET1) ของธนาคารปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 18.2% ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2568 (ปี 2567: 16.9%) อย่างไรก็ตามอัตราส่วนเงินกองทุน CET 1 อาจปรับตัวลดลงบ้างในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยเฉพาะจากแผนการซื้อหุ้นคืนและการจ่ายเงินปันผล แต่ทั้งนี้ฟิทช์ยังคาดว่าเงินกองทุนของธนาคารจะยังคงอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับธนาคารขนาดใหญ่รายอื่น ซึ่งจะช่วยรองรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด

ฐานเงินฝากที่มั่นคง: อันดับคะแนนปัจจัยด้านการระดมเงินทุนและสภาพคล่องที่ bbb ของ TTB สะท้อนถึงความแข็งแกร่งและความสม่ำเสมอของเครือข่ายทางธุรกิจด้านเงินฝากของธนาคารอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินฝากปรับตัวดีขึ้นเป็น 93.9% ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2568 (ปี 2566: 96.4%) ขณะที่อัตราส่วนการดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องเพื่อรองรับกระแสเงินสดที่อาจไหลออกในภาวะวิกฤต (Liquidity Coverage Ratio) ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 229% ณ สิ้นปี 2567 และสูงกว่าค่าเฉลี่ย 4 ปีที่ 194%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ