นายพลแสง แซ่เบ๊ กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.โรแยล พลัส [PLUS] กล่าวถึงมาตรการภาษีของสหรัฐถือเป็นต้นทุนของผู้นำเข้าภายในประเทศเอง ซึ่งบริษัทได้วางแผนบริหารจัดการร่วมกับลูกค้าในตลาดสหรัฐไว้ล่วงหน้าแล้ว ทั้งเรื่องการปรับราคาขายปลีกและกลยุทธ์การขาย โดยในไตรมาส 1/68 สัดส่วนรายได้จากตลาดสหรัฐคิดเป็นประมาณ 30% ของรายได้รวมของบริษัท
PLUS ได้เตรียมแผนรับมือด้วยการเจรจาปรับราคาขายปลีกในตลาดสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นประมาณ 10% ซึ่งยังคงอยู่ในระดับที่สามารถแข่งขันได้ และไม่ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค พร้อมทั้งเจรจาปรับโครงสร้างราคากับลูกค้ารายใหญ่ และทำสัญญาระยะยาว (Long-Term Contract) กับพันธมิตรที่มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นเพื่อรักษาเสถียรภาพของรายได้ และลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดแต่ละประเทศผ่านการขยายตลาดในภูมิภาคอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง
หนึ่งในความเคลื่อนไหวสำคัญของ PLUS คือ การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ Co-Brand กับพันธมิตรในสหรัฐฯ ซึ่งได้เริ่มการส่งออกสินค้าแล้ว และอยู่ระหว่างการเตรียมวางจำหน่ายในห้างค้าปลีกระดับประเทศอย่าง Walmart ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญในการขยายฐานลูกค้าและยกระดับการรับรู้แบรนด์ในตลาดสหรัฐฯ ซึ่งบริษัทคาดว่าจะเริ่มเห็นแรงส่งเชิงบวกต่อยอดขายจากโครงการดังกล่าวตั้งแต่ไตรมาส 3/68 เป็นต้นไป พร้อมย้ำจุดแข็งด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และความสามารถในการตอบสนองความต้องการตลาดต่างประเทศได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ PLUS ยังมีมุมมองเชิงบวกจากกรณีที่ IFBH บริษัทแม่ของแบรนด์น้ำมะพร้าวชื่อดัง IF จากไทยที่เข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง PLUS ว่า ตลาดจีนถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง และมีแนวโน้มความต้องการน้ำมะพร้าวแท้จากประเทศไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง การเคลื่อนไหวของแบรนด์ชั้นนำในอุตสาหกรรมนี้เป็นการปลุกกระแสและเปิดประตูให้กับแบรนด์อื่นๆ ที่มีศักยภาพในการผลิตสินค้าเข้าสู่ตลาดได้มากขึ้น PLUS ได้รับอานิสงส์จากความเชื่อมั่นในมาตรฐานการผลิตระดับสากล โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้า ODM (รับจ้างผลิตแบรนด์ลูกค้า) ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง และเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการผลักดันการเติบโตระยะยาวของบริษัท