HILITE: กลุ่มค้าปลีกย่อตัวรับแบงก์ชาติชี้แนวโน้ม GDP โตชะลอรับพิษภาษี"ทรัมป์"โบรกมองเป็นโอกาสเข้าสะสม

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday July 9, 2025 12:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

เมื่อเวลา 11.38 น. CRC ลบ 1.66% หรือลดลง 0.30 บาท มาที่ 17.80 บาท มูลค่าการซื้อขาย 111.98 ล้านบาท

HMPRO ลบ 1.53% ลดลง 0.10 บาท มาที่ 6.45 บาท มูลค่าการซื้อขาย 141.98 ล้านบาท

CPAXT ลบ 1.05% ลดลง 0.20 บาท มาที่ 18.90 บาท มูลค่าการซื้อขาย 29.40 ล้านบาท

CPALL ลบ 0.55% ลดลง 0.25 บาท มาที่ 45.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 505.94 ล้านบาท

BJC ลบ 0.53% ลดลง 0.10 บาท มาที่ 18.60 บาท มูลค่าการซื้อขาย 19.51 ล้านบาท

เช้านี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในครึ่งปีหลังจะชะลอตัวลงเหลือเพียง 1.6% จากที่ครึ่งปีแรกขยายตัวได้ดี เนื่องจากได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีการค้าของสหรัฐ ซึ่งจะทำให้ GDP ในช่วงต่อจากนี้ขยายตัวต่ำกว่า 2% ไปอีกอย่างน้อยปีครึ่ง เนื่องจากประเมินว่าการส่งออกในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะหดตัว 4% และปีหน้าจะหดตัวต่อเนื่องอีก 2%

นักวิเคราะห์จาก บล.กรุงศรี ระบุว่า ราคาหุ้นกลุ่มค้าปลีกปรับตัวลดลงวันนี้สอดคล้องกับแนวโน้ม GDP ที่ปรับตัวลดลง เนื่องจากกลุ่มค้าปลีกอิงการเติบโตจากการบริโภคในประเทศ (Consumption) ซึ่งมีสัดส่วนกว่า 60% ของ GDP อย่างไรก็ตาม มองว่าหากหุ้นปรับตัวลงทุกกลุ่ม กลุ่มค้าปลีกยังดูดีกว่าอยู่ดี เนื่องจากเป็นสินค้าจำเป็น จึงมองเป็นโอกาสในเข้าซื้อเพื่อถือลงทุนระยะยาว

ทั้งนี้ จากการคาดการณ์ของ ธปท.มองว่าการเติบโต GDP ครึ่งปีหลังจะชะลอลงจากครึ่งปีแรง จึงมองว่าการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ในหุ้นกลุ่มค้าปลีกช่วงครึ่งปีหลังที่เคยคาดว่าจะเติบโตได้ดีอาจเหลือแค่ทรงตัว อย่างไรก็ตาม กลุ่มค้าปลีกที่ขายสินค้าจำเป็น อาทิ CPALL CPAXT และ BJC อาจได้รับผลกระทบน้อยกว่า

ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงสำหรับหุ้นกลุ่มค้าปลีก คือผลกระทบจากมาตรการภาษีสหรัฐฯ ที่อาจฉุดภาคการส่งออกหดตัว และเกิดการเลิกจ้างงาน ซึ่งจะกระทบกับการบริโภคและการขยายตัวของเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ตัวเลขการท่องเที่ยวที่ผ่านมาก็ยังแย่พอสมควร จะกระทบกับหุ้นในกลุ่มมากน้อยต่างกันในแต่ละตัว โดย CRC ได้รับผลกระทบมากกว่า CPALL และ CPAXT

อย่างไรก็ตาม คงคำแนะนำลงทุนกลุ่มค้าปลีก โดยเฉพาะกลุ่มที่ปลอดภัยจากหลายปัจจัย อาทิ CPALL มองว่าแม้เศรษฐกิจจะชะลอแต่บริษัทยังเติบโตต่อเนื่องจากการขยายสาขาปีละ 700 สาขา และยังเป็นผู้เล่นหลักในตลาด ให้ราคาเป้าหมาย 80 บาท ส่วน BJC ได้แรงหนุนจากราคาวัตถุดิบผลิตบรรจุภัณฑ์ลดลง ให้ราคาเป้าหมาย 30 บาท และ HMPRO แม้ยอดขายและ SSSG จะลดลงเล็กน้อย แต่ GPM จากสินค้า House Brand ยังเติบโตดี และมีปันผลสูงสุดในกลุ่ม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ