
บล. โกลเบล็ก (GBS) ประเมินหุ้นไทยสัปดาห์นี้ผันผวนต่อเนื่อง จากแรงกดดันความไม่แน่นอนของนโยบายภาษีการค้าของสหรัฐ หลัง ทรัมป์ ประกาศรีดภาษี 30% จากการนำเข้าสินค้าจากสหภาพยุโรป-เม็กซิโก มีผลบังคับ 1 ส.ค.นี้ จึงให้กรอบดัชนี 1,150-1,190 จุด แนะกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง ชู AWC-MINT-ERW-CENTEL-SHR น่าลงทุน
นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.โกลเบล็ก (GBS) ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ยังแกว่งตัวผันผวนระหว่างวัน โดยมีแรงกดดันจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่า สหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษี 30% สำหรับสินค้านำเข้าจากสหภาพยุโรป และเม็กซิโก ผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.นี้เป็นต้นไป

ด้านประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) เตือนว่า การตัดสินใจของสหรัฐฯ ที่จะเรียกเก็บภาษี 30% สินค้าที่นำเข้าจากสหภาพยุโรป (EU) อาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อห่วงโซ่อุปทานระหว่างสองฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก พร้อมประกาศว่า EU จะตอบโต้ด้วยมาตรการที่เหมาะสมหากจำเป็น
ส่วนผู้นำบราซิลตอบโต้คำขู่ของ ทรัมป์ ที่จะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากบราซิล 50% โดยระบุว่าบราซิลสามารถอยู่รอดได้หากไม่มีการค้ากับสหรัฐฯ และจะมองหาคู่ค้ารายใหม่หากจำเป็น ซึ่งแสดงถึงความไม่แน่นอนของทิศทางนโยบายการค้าของสหรัฐฯ
นอกจากนี้ ยังคงต้องเฝ้าระวังปัจจัยในประเทศที่อาจจะส่งผลต่อการลงทุนได้เช่นกัน อาทิ วันที่ 16 ก.ค. ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม, วันที่ 15-21 ก.ค. หุ้นกลุ่มธนาคารรายงานผลประกอบการครึ่งปี 2568, สัปดาห์ที่ 4 ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และชิ้นส่วนยานยนต์, กระทรวงพาณิชย์แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ, สศค. รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค, ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค, สศอ. แถลงดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม, วันที่ 31 ก.ค. ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินไทย
ส่วนปัจจัยต่างประเทศ อาทิ วันนี้ 16 ก.ค. สหรัฐ รายงานดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมิ.ย. การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์, เช้าวันที่ 17 ก.ค. ธนาคารกลางสหรัฐ รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book, วันที่ 17 ก.ค. สหรัฐ รายงานยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย., วันที่ 29-30 ก.ค. ประชุมธนาคารกลางสหรัฐเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
นายวัชเรนทร์ จงยรรยง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย GBS แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่งหลังจากเปิดระบบลงทะเบียนใหม่อีกครั้งตั้งแต่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมา ได้แก่ AWC, MINT, ERW, CENTEL และ SHR
ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย GBS ประเมินว่า ราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวขึ้นจากความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า หลังปธน.ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐประกาศเรียกเก็บภาษีศุลกากรกับประเทศที่ยังไม่บรรลุข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐ โดยเริ่มมีผลในวันที่ 1 ส.ค.นี้ ทำให้นักลงทุนเข้าถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย อีกทั้งรายงานการประชุมเฟดประจำวันที่ 17-18 มิ.ย. ชี้ว่ากรรมการเฟดส่วนใหญ่สนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
อย่างไรก็ตาม ปธน.ทรัมป์ ยังคงเปิดโอกาสให้ประเทศคู่ค้าได้เจรจาการค้ากับสหรัฐ อีกทั้งสงครามในภูมิภาคตะวันออกกลางมีแนวโน้มชะลอตัวลง หลังอิสราเอลพร้อมทำข้อตกลงหยุดยิงถาวรในฉนวนกาซา เป็นปัจจัยกดดันต่อราคาทองคำให้ปรับตัวขึ้นได้จำกัด โดยสัปดาห์นี้แนะนำให้ติดตามการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด จึงมองกรอบทองคำสัปดาห์นี้ 3,310-3,400 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ หากไม่ผ่านแนวต้านให้ชะลอการลงทุน