นายชาคริต ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บมจ.ซีแพนเนล [CPANEL] เปิดเผยว่าบริษัทเตรียมปรับเป้ารายได้ปี 68 ลง จากเดิมตั้งเป้าโต 100% แต่ด้วยสภาวะปัจจุบันทำให้ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าเอกชนชะลอตัว อย่างไรก็ตามยังมั่นใจปี 68 เติบโตจากปีก่อน เนื่องจากการปรับกลยุทธ์ขยายฐานลูกค้ากลุ่มภาครัฐมากขึ้น รวมทั้งขยายไปยังกลุ่มที่ยังไม่เคยใช้ผลิตภัณฑ์ Precast Concrete โดยเฉพาะตลาดรับสร้างบ้าน (Home Builder) ขณะเดียวกันบริษัทเชื่อว่าผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 1/68 และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง
ขณะที่ไตรมาส 2/68 จะเริ่มเห็นผลของการปรับกลยุทธ์อย่างชัดเจน โดยคาดว่าในปี 68 สัดส่วนกลุ่มภาครัฐเป็น 56% จากในอดีตที่มีสัดส่วนน้อยมาก และลูกค้าเอกชน 43.07% ซึ่งสัดส่วนกลุ่มลูกค้าภาครัฐมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต จากการที่ผลิตภัณฑ์ Precast Concrete ของบริษัทได้รับมาตรฐานที่ชัดเจน ช่วยลดระยะเวลาและต้นทุนการก่อสร้าง และภาครัฐเป็นภาคส่วนเดียวที่คาดว่าจะยังคงมีการลงทุนเติบโตต่อเนื่องสวนกระแสเศรษฐกิจ ที่ขณะที่อสังหาฯภาคเอกชนคาดว่าจะยังชะลอตัวต่อจากประเด็นสงครามการค้า ที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการบริโภคในประเทศ
นอกจากนี้บริษัทยังมองเห็นโอกาสกับกลุ่มอสังหาฯ ที่ไม่ต้องขอใบอนุญาตจัดสรร เช่น โครงการบ้านแนวราบ (Low-rise) ขนาดเล็กไม่เกิน 9 หลัง ซึ่งมีข้อดีคือต้นทุนต่ำและก่อสร้างได้รวดเร็ว นอกจากนี้ ตลาดรับสร้างบ้าน (Home Builder Market) ถือเป็นตลาดใหม่ขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าสูงถึง 211,000 ล้านบาท แต่ยังไม่มีการใช้ Precast อย่างแพร่หลาย จึงยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก
ทิศทางการรับรู้รายได้ช่วงครึ่งปีหลัง 2568 มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการส่งมอบงานโครงการประเภทอาคารที่อยู่อาศัยและสำนักงานของกลุ่มลูกค้าภาครัฐ
ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 1,311.36 ล้านบาท แบ่งเป็นงานภาครัฐ 50% และภาคเอกชน 50% นอกจากนี้บริษัทคาดว่าในครึ่งปีหลังจะมี Backlog เพิ่มมากขึ้นอีก จากการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ
โดยยังคงมุ่งเน้นการขยายฐานลูกค้าภาครัฐและเอกชนให้หลากหลาย โครงการภาครัฐ อาทิ อาคารที่พักอาศัยข้าราชการ สถานศึกษา และโรงพยาบาล ภาคเอกชน อาทิ กลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว-บริการ ค้าปลีก และโครงการที่พักอาศัยแนวราบลักชัวรีขนาดกลาง ที่สามารถรับรู้รายได้เร็ว อีกทั้งให้ความสำคัญกับการรักษาฐานลูกค้าเดิมในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งและส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้การขยายฐานลูกค้าดังกล่าว จะส่งผลให้บริษัทสามารถรับรู้รายได้อย่างสม่ำเสมอ เพิ่มความสามารถทำกำไรให้กลับมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ และบริษัทยังให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการต้นทุนการดำเนินงานทุกด้านอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อคงฐานะการเงินที่แข็งแรงของกิจการ
"CPANEL ให้ความสำคัญกับการขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มภาครัฐ ซึ่งมองเห็นถึงโอกาสในการเติบโตสูง จากความต้องการผลิตภัณฑ์ Precast Concrete ที่มีมาตรฐาน คุณภาพสูง และทนทานต่อแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหว เป็นจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ CPANEL ที่ผลิตด้วยระบบอัตโนมัติ Fully Automated Precast ช่วยลดข้อผิดพลาดและควบคุมต้นทุนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงได้ตามมาตรฐาน ในราคาที่แข่งขันได้ ทำให้มั่นใจว่าจะสามารถคว้างานโครงการภาครัฐขนาดกลางและขนาดใหญ่เข้ามาเพิ่มได้อีก จะช่วยหนุนให้รายได้ทยอยปรับตัวดีขึ้นในทุกไตรมาส" นายชาคริต กล่าว