สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ประจำสัปดาห์ (14 - 18 กรกฎาคม 2568) ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้ มีมูลค่ารวม 436,874 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 87,375 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้าประมาณ 15% ทั้งนี้เมื่อแยกตามประเภทของตราสารแล้ว จะพบว่ากว่า 43% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด หรือประมาณ 186,932 ล้านบาท เป็นการซื้อขายในตราสารหนี้ ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (state Agency Bond) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นตราสารที่มีอายุคงเหลือค่อนข้างน้อย (ไม่เกิน 6 เดือน) ขณะที่พันธบัตรรัฐบาล ที่ออกโดยกระทรวงการคลัง (Government Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 193,879 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชน (Corporate Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 20,873 ล้านบาท หรือคิดเป็น 44% และ 5% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตามลำดับ
สำหรับพันธบัตรรัฐบาล ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกคือรุ่น SLB406A (อายุ 14.9 ปี) LB26DA (อายุ 1.4 ปี) และ LB284A (อายุ 2.8 ปี) โดยมีมูลค่าการซื้อขายในแต่ละรุ่นเท่ากับ 22,244 ล้านบาท 16,663 ล้านบาท และ 16,637 ล้านบาท ตามลำดับ
ขณะที่หุ้นกู้ภาคเอกชน ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หุ้นกู้ของบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) รุ่น TBEV266A (AA(tha)) มูลค่าการซื้อขาย 1,427 ล้านบาท หุ้นกู้ของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รุ่น TLT285B (AAA) มูลค่าการซื้อขาย 1,148 ล้านบาท และหุ้นกู้ของ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) รุ่น BEM299A (BBB+) มูลค่าการซื้อขาย 822 ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวลดลง 2-5 bps. ด้านปัจจัยต่างประเทศ รัฐมนตรีคลังจากกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจเกิดใหม่ 20 ชาติ (G20) แถลงว่า เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นและความท้าทายที่ซับซ้อนท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการขึ้นภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ที่ยังไม่คลี่คลาย ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะส่งจดหมายไปยังมากกว่า 150 ประเทศเพื่อแจ้งอัตราภาษีศุลกากรที่สหรัฐฯ อาจอยู่ที่ระดับ 10% หรือ 15% ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (Headline CPI) ประจำเดือนมิ.ย. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.7%(YoY) สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.6% ขณะที่สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2/2568 ขยายตัว 5.2% (YoY) สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า จะขยายตัว 5.1% และสูงกว่าเป้าหมายตลอดปีที่รัฐบาลจีนกำหนดไว้ที่ประมาณ 5% จากความแข็งแกร่งของยอดส่งออกไปยังตลาดนอกสหรัฐฯ ซึ่งช่วยพยุงภาคการผลิตของจีน
สัปดาห์ที่ผ่านมา (14 - 18 กรกฎาคม 2568) กระแสเงินลงทุนต่างชาติไหลออกตลาดตราสารหนี้ไทยรวมสุทธิ 626 ล้านบาท โดยเป็นการซื้อสุทธิ ในตราสารหนี้ระยะสั้น (ST) (อายุคงเหลือไม่เกิน 1 ปี) 204 ล้านบาท และขายสุทธิในตราสารหนี้ระยะยาว (LT) (อายุมากกว่า 1 ปี) 830 ล้านบาท และไม่มีตราสารหนี้ที่ถือครองโดยนักลงทุนต่างชาติหมดอายุ
หมายเหตุ: อันดับเครดิต หมายถึง อันดับเครดิตของหุ้นกู้เฉพาะรุ่น หรือ อันดับเครดิตของผู้ออกหุ้นกู้
ดัชนีหุ้นกู้เอกชน (Corp Bond Gross Price Index) เปลี่ยนเป็น ดัชนีหุ้นกู้เอกชน(MTM Corp Bond Gross Price Index) ตั้งแต่ ม.ค. 2565
ความเคลื่อนไหวในตลาดตราสารหนี้ไทย สัปดาห์นี้ สัปดาห์ก่อนหน้า เปลี่ยนแปลง สะสมตั้งแต่ต้นปี (14 - 18 ก.ค. 68) (7 - 11 ก.ค. 68) (%) (1 ม.ค. - 18 ก.ค. 68) มูลค่าการซื้อขาย แบบปกติ - Outright Trading (ล้านบาท) 436,873.90 380,452.73 14.83% 11,927,600.90 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน (ล้านบาท) 87,374.78 95,113.18 -8.14% 90,360.61 ดัชนีพันธบัตรรัฐบาล (Gov Bond Gross Price index) 114.56 114.42 0.12% ดัชนีหุ้นกู้เอกชน (MTM Corp Bond Gross Price Index) 109.28 109.17 0.10% เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Gov Bond Yield Curve) --% ช่วงอายุของตราสารหนี้ 1 เดือน 6 เดือน 1 ปี 3 ปี 5 ปี 10 ปี 15 ปี 30 ปี สัปดาห์นี้ (18 ก.ค. 68) 1.43 1.43 1.43 1.35 1.36 1.53 1.73 2.15 สัปดาห์ก่อนหน้า (11 ก.ค. 68) 1.45 1.45 1.45 1.37 1.41 1.55 1.71 2.16 เปลี่ยนแปลง (basis point) -2 -2 -2 -2 -5 -2 2 -1