บล.กรุงศรี ประเมินสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชาที่ยังคงยืดเยื้อจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการเดินทางท่องเที่ยวทั้งของนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติในระยะสั้น แต่คาดว่าจะไม่กระทบต่อประมาณการกำไรของกลุ่มโรงแรมโดยรวมในปีนี้ เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่ที่ได้รับผลกระทบไม่ใช่จังหวัดท่องเที่ยวหลัก อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์ยืดเยื้อ อาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการในช่วงไฮซีซันปลายปี และชะลอการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยโดยรวมได้
กรุงศรีฯ ยังคงคำแนะนำ "Neutral" สำหรับกลุ่มโรงแรมไทย โดยยังคงเลือกหุ้นที่มีพอร์ตธุรกิจกระจายตัวในหลายประเทศและภูมิภาคเป็นหุ้นเด่น ได้แก่
CENTEL (บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด มหาชน) ด้วยคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 31 บาท และ
MINT (บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด มหาชน) ด้วยคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 38 บาท จากจุดแข็งด้านการกระจายความเสี่ยงเชิงภูมิศาสตร์และแหล่งรายได้
จากการสำรวจพอร์ตโรงแรมในจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ พบว่ามีเพียง ERW ที่มีโรงแรมใน 7 จังหวัดชายแดน (391 ห้อง หรือ 4% ของพอร์ตในไทย) ซึ่งทั้งหมดเป็นแบรนด์ Hop Inn
และหากขยายวงไปยังจังหวัดใกล้เคียงอื่นๆ เช่น ระยอง ชลบุรี และนครราชสีมา (รวม 12 จังหวัด) พบว่า ERW มีสัดส่วนห้องสูงสุดที่ 1,382 ห้อง (18% ของพอร์ตในไทย) รองลงมาคือ CENTEL (835 ห้อง, 20%) และ AWC (523 ห้อง, 8%)
ในภาวะที่มีความเสี่ยงจากปัจจัยภายในประเทศ กลุ่มโรงแรมที่มีพอร์ตธุรกิจกระจายตัวในหลายประเทศจะได้เปรียบในเชิงความยืดหยุ่นในการดำเนินงาน โดยเฉพาะ MINT และ CENTEL ซึ่งมีรายได้จากต่างประเทศในสัดส่วนที่สูง และยังมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากทั้งธุรกิจโรงแรมและร้านอาหาร