
เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมาประธานาธิบดีทรัมป์ได้ลงนามกฎหมายที่เรียกว่า GENIUS Act ที่ถูกเสนอร่างและได้รับความเห็นชอบด้วยเสียง 68-30 จากวุฒิสภาประเทศสหรัฐอเมริกา นับเป็นชัยชนะครั้งใหญ่ของวงการสินทรัพย์ดิจิทัล ด้วยเหตุที่กฎหมายดังกล่าวจะเป็นจุดเริ่มต้นของการกำกับดูแล Stablecoin หรือสินทรัพย์ดิจิทัลที่เป็นตัวกลางในการชำระราคา
โดย GENIUS ย่อมาจาก Guiding and Establishing National Innovation for US Stablecoins
นอกจากนั้นกฎหมายยังระบุชัดเจนว่า Stablecoin ไม่ใช่หลักทรัพย์ (Securities) และ ไม่ใช่สินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities) หมายความว่า Stablecoin ที่ออกภายใต้กฎหมายดังกล่าวไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของ SEC หรือ CFTC แต่จะอยู่ภายใต้กฎหมาย Bank Secrecy Act
กฎหมายดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ประเทศสหรัฐอเมริกายอมรับความมีตัวตนของสินทรัพย์ดิจิทัลในระดับประเทศ หลังจากที่ผ่านมาธนาคารหรือสถาบันทางการเงินหลายแห่งไม่ยอมรับการใช้งานสินทรัพย์ดิจิทัลด้วยปัจจัยหลายอย่างโดยเฉพาะเรื่องความไม่ชัดเจนของกฎหมาย ดังนั้นแล้วการยอมรับหรือรับรองการออกสินทรัพย์ดิจิทัลประเภท Stablecoin ซึ่งถูกใช้เป็นตัวกลางหลักในการซื้อขายและเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลทั่วโลกจะทำให้ธนาคารหรือสถาบันทางการเงินมั่นใจและเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น ตัวอย่างเช่น JPMorgan เปิดตัว JPMD, CEO BofA ยืนยันพัฒนา Stablecoin, CEO Citi กำลังศึกษาเชิงลึกเกี่ยวกับ Stablecoin และสินทรัพย์ดิจิทัล
กล่าวโดยสรุป นับแต่นี้ GENIUS Act จะเป็นกฎหมายหลักที่วางกรอบชัดเจนให้กับ Stablecoin และส่งผลทางอ้อมในการกระตุ้นการเติบโตครั้งใหญ่ของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล ด้วยที่ว่าธนาคารหรือสถาบันทางการเงินเริ่มเชื่อมั่นในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล ทำให้เกิดการแข่งขันในการลงทุนและพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลต่าง ๆ
นายปรุงศักดิ์ เชาวน์ชาติ ทนายความหุ้นส่วนบริหาร กลุ่มสำนักงานกฎหมายอเบอร์
อนุญาโตตุลาการผู้เชี่ยวชาญด้านสินทรัพย์ดิจิทัล ประจำสถาบันอนุญาโตตุลาการ (THAC)
และ นายธัญญเทพ แตงอ่อน ทนายความ กลุ่มสำนักงานกฎหมายอเบอร์