นายวิชาญ วิริยะภูษิต ประธานผู้บริหารสายงานการเงิน บมจ. แสนสิริ [SIRI] เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 2/68 เติบโตเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) จากการโอนที่ดีขึ้นทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียม รวมถึงตลาด Premium และ Medium ยอดโอนกลับมาดีขึ้น ส่วนตลาด Affordable ยังรักษายอดโอนได้ดี ส่งผลให้ไตรมาส 2/68 มีรายได้รวมอยู่ที่ 8,786 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% QoQ และครึ่งปีทำรายได้รวมที่ 15,678 ล้านบาท ด้านกำไรสุทธิไตรมาส 2 อยู่ที่ 1,214 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49% QoQ และครึ่งปีมีกำไรสุทธิ 2,028 ล้านบาท โดยสามารถสร้างยอดขายรวมได้ถึง 26,000 ล้านบาท นับเป็นผลงานที่แข็งแกร่งท่ามกลางตลาดที่ท้าทาย
ผลประกอบการไตรมาส 2/68 นี้มาจากกลยุทธ์การบริหารพอร์ตสินค้าพร้อมขายอย่างมีประสิทธิภาพ และปัจจัยสนับสนุนจากโครงการคอนโดมิเนียมที่ภูเก็ต 2 โครงการส่งมอบตามกำหนด สร้างรายได้ทันที ได้แก่ เดอะ เบส ไรส์ และเดอะ เบส บูกิต ด้านแนวราบมาจากเดมี พระราม 9-เหม่งจ๋าย ที่ Sold Out ก่อนวันพรีเซล สะท้อนความเชื่อมั่นในแบรนด์แสนสิริ และยังสามารถ Sold Out โครงการไปแล้วถึง 13 โครงการ มูลค่ากว่า 15,500 ล้านบาท
แผนธุรกิจต่อจากนี้ SIRI ยังคงให้ความสำคัญในการพัฒนาที่อยู่อาศัยในทำเลที่มีศักยภาพสูงซึ่งมีดีมานด์อย่างต่อเนื่องและไม่อ่อนไหวตามสภาพตลาด โดยเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ อาทิ สราญสิริ จตุโชติ, บุราสิริ จตุโชติ ตลอดจนเร่งเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่ในกรุงเทพฯ เพิ่ม Backlog สนับสนุนรายได้ในระยะยาว โดยมีโครงการสร้างเสร็จพร้อมโอน อาทิ เดอะ มูฟ สุขุมวิท 107, ดีคอนโด เซนส์ (บางแสน), โฟล บาย แสนสิริ, เดอะ เบส เออร์เบิน พระราม 9 คาดว่าจะมีบทบาทสำคัญในการผลักดันยอดขาย รวมถึงเปิดโครงการใหม่ อาทิ วาลเลส เฮาส์, เซลฟ์ บาย แสนสิริ, ไวด์เด็น บาย แสนสิริ, เดอะมูฟ บางหว้า และขยายการพัฒนาโครงการไปยังแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ โดยเฉพาะภูเก็ตกับแบรนด์เศรษฐสิริในช่วงปลายไตรมาส 3 และที่สำคัญยังเพิ่มโอกาสในการลงทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจรายใหม่ เพื่อพัฒนาโครงการร่วมกัน
นายวิชาญ กล่าวเพิ่มเติมว่า การที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก 1.75% เป็น 1.50% ต่อปี โดยให้มีผลทันทีนั้น มองว่าเป็นการส่งสัญญาณให้เห็นว่า กนง. พร้อมใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายมากขึ้น เป็น Sentiment เชิงบวกช่วยกระตุ้นกำลังซื้อ เนื่องจากผู้บริโภคจะมีภาระการผ่อนชำระที่ลดลงและเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น ในขณะที่ผู้ประกอบการเองก็จะมีต้นทุนทางการเงินที่ลดลง ซึ่งจะส่งผลให้ภาพรวมตลาดอสังหาฯ กลับมาคึกคักได้