
นายสิษฐวัศ เลิศอมรกิตติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายขายและการตลาด และนายไพรัต ภูฆัง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายบัญชีและการเงิน บมจ.เอ็ม พี เจ โลจิสติกส์ [MPJ] เปิดเผยว่า จากความมุ่งมั่นการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องทำให้มั่นใจในเป้าหมายรายได้ของบริษัทในปีนี้แตะระดับ 1,240 ล้านบาท เติบโตขึ้น 22% (YoY) ตามแผนที่วางไว้ เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของธุรกิจโลจิสติกส์ที่เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจไทย อย่างไรก็ตามทาง MPJ ยังคงรักษาอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ที่ระดับ 0.6 เท่า เพื่อสะท้อนความมั่นคงทางการเงิน และติดตามนโยบายทั้งในและต่างประเทศอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ต่อไป
สำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 2568 มีรายได้จากการให้บริการรวม 536.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.6% (YoY) และมีกำไรสุทธิ 59.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55.8% (YoY) ขณะที่ภาพรวมของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ในประเทศครึ่งปีหลัง 68 ยังได้รับปัจจัยหนุนจากการย้ายฐานการผลิตจากจีนมายังประเทศไทย ส่งผลให้ปริมาณงาน (วอลุ่ม) จากความต้องการใช้ทั้งด้านการขนส่ง พื้นที่จัดเก็บ เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ MPJ ยังคงเดินหน้าลงทุน เพื่อเสริมศักยภาพการให้บริการแบบครบวงจรใน 4 กลุ่มธุรกิจต่อเนื่อง ภายใต้งบลงทุนรวมกว่า 554 ล้านบาท แบ่งเป็นแผนการลงทุน 3 ธุรกิจ ได้แก่
ธุรกิจบริหารการจัดเก็บตู้คอนเทนเนอร์ : ตั้งงบลงทุน 194 ล้านบาท โดยจะได้ทยอยเปิดให้บริการโครงการลานตู้คอนเทนเนอร์ ในช่วงปลายไตรมาส 3/68 ในพื้นที่ลาดกระบัง มีพื้นที่ 24.30 ไร่ ซึ่งเป็นทำเลที่ตั้งเชิงยุทธศาสตร์ อยู่ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ และมีทางรถไฟเชื่อมต่อไปยังท่าเรือแหลมฉบังและมาบตาพุด ทำให้สามารถเชื่อมโยงการขนส่งได้ครบทุกเส้นทาง สามารถรองรับการใช้งานของลูกค้าเพิ่มขึ้นอีก 3,125 TEUs หรือประมาณการจำนวนตู้เข้า-ออกทั้งปีที่ 240,000 TEUs และบริษัทฯ คาดว่าสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ แบบเต็มปีตั้งแต่ปี 69 จำนวน 100 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นเป็น 123 ล้านบาท ในปีถัดไป
ส่วนโครงการส่วนขยายใกล้เคียงบริเวณเดิม (แหลมฉบัง) คาดว่าจะเริ่ม Operate ได้ในช่วงกลางไตรมาส 4/68 ซึ่งเป็นโครงการที่อยู่ในพื้นที่ส่งเสริมการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ดังนั้นการลงทุนลานตู้คอนเทนเนอร์ จึงเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจในอนาคต โดยบริษัทฯ ได้เตรียมพัฒนาและก่อสร้างลานตู้คอนเทนเนอร์ บนพื้นที่ 19.37 ไร่ สามารถรองรับการใช้งานลูกค้าเพิ่มขึ้นอีก 3,000 TEUs หรือประมาณการจำนวนตู้เข้า-ออกทั้งปีที่ 200,000 TEUs โดยคาดว่าจะสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ ในปี 69 จำนวน 50 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นเป็น 120 ล้านบาทในปีถัดไป
ธุรกิจการให้บริการขนส่งทางบกต่อเนื่องกับท่าเรือ : ตั้งงบลงทุน 40 ล้านบาท สำหรับรองรับการขยายเครือข่ายการขนส่งภายในประเทศ (Domestic Transportation) ครอบคลุมทั่วประเทศ ปัจจุบันมีรถบรรทุกที่ให้บริการทั้งหมด 215 คัน และยังมีรถบรรทุกพันธมิตรเป็นผู้รับจ้างงานช่วง (Sub-Contract Trucks) อีกประมาณ 50 คัน อีกทั้งมีแผนการนำรถบรรทุก EV จากกลุ่มพันธมิตรเข้ามาใช้งานในปีนี้ 120 คัน จากปัจจุบัน 30 คัน และการขยายการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศโดยเฉพาะในประเทศกลุ่ม CLMV
ธุรกิจการให้บริการให้เช่าคลังสินค้า : งบลงทุน 320 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างคลังสินค้าแห่งใหม่ ในจังหวัดระยอง เฟส 2 ซึ่งมีพื้นที่ 18,000 ตรม. โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จและพร้อมรับรู้รายได้ในปี 69 เป็นต้นไป ทั้งนี้ในปัจจุบันมีกลุ่มลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ปิโตรเคมี และพลาสติก ให้ความสนใจเช่าพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และยังอยู่ระหว่างเจรจาอีกหลายราย ซึ่งคาดว่าได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้
ในขณะที่ธุรกิจให้บริการจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ : บริษัทเร่งเดินหน้าขยายการให้บริการไปยังตลาดในภูมิภาคใหม่ๆ เพิ่ม โดยเฉพาะตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง ควบคู่กับการขยายตลาดในโซนเอเชีย รวมทั้งการศึกษาการขยายการให้บริการขนส่งสินค้าทางอากาศเพิ่มทั้งในประเทศและต่างประเทศ